สู้เก็บตังอยากทำตาสองชั้นปังๆ แต่ได้ความพังสู้กลับมา
สวัสดีค่ะทอไหมค่ะ วันนี้อยากมาบอกเล่าประสบการณ์พังๆ จากการทำตาสองชั้นให้อ่านกัน ว่าอยากสวยต้องศึกษาให้ดี “อย่าเชื่อใจแค่รีวิว” เพราะเดิมทีเราเป็นคนตาสองชั้นหลบใน ที่บอกตรงๆ ว่าก่อนทำตาสองชั้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ แต่อยากได้ชั้นตาที่ชัดขึ้น เวลาแต่งหน้าแต่งตัวจะได้มั่นใจมากขึ้น เรียกง่ายๆ เราก็อยากสวย เหมือนที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะเป็นนี่แหละค่ะ เลยตัดสินใจทำตาสองชั้นดีกว่า หวังว่าทำเสร็จต้องออกมาสวยแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงพังมากแม่ พูดแล้วจะร้องเลยค่ะ(จริงๆ)
ทำตาสองชั้น ต้องเลือกให้ดี อย่าให้รีวิวมาหลอก
แค่พิมพ์คำนี้ในกูเกิ้ล รีวิวก็มาให้ดูเพียบ
จะทำตาสองชั้นสักที อยากรู้ว่าทำตาสองชั้นที่ไหนดี เราว่าหลายคนคงเข้ากูเกิ้ลแล้วหารีวิวทำตาสองชั้นใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะเราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำแบบนั้นเหมือนกัน พิมพ์เสร็จมีรีวิวมาให้อ่านเยอะมาก เราอ่านรีวิวเป็นร้อย บอกเลยว่าอ่านจนตาลาย สุดท้ายเราถูกใจคลินิกที่หนึ่ง(ขอไม่บอกว่าที่ไหนน้ากลัวโดนฟ้อง) บอกเลยว่าที่นี่รีวิวเค้าเยอะและแต่ละคนทำออกมาคือตาสวยจึ้งมากทุกคนจริงๆ รีวิวออกมาดีมากกกกกกกกกก(ให้กอไก่ล้านตัวไปเลย) สารภาพตรงนี้ว่าเราก็เทใจไปให้ที่นี่เยอะพอตัว เพราะความรีวิวดีภาพลักษณ์ดีของเค้าประกอบกับใจเราก็อยากทำตาสองชั้นแล้ว เลยตัดสินใจนัดคิวทำตาสองชั้นกับที่นี่ไปค่ะ อยากขอเตือนทุกคนมากๆ เลยค่ะ ว่าอย่าอ่านแค่รีวิวดีๆ อย่างเดียว ลองหาข้อมูลด้านอื่นๆ ตัดสินใจให้นานๆ จะได้ไม่พลาดแบบเราที่ใจร้อนไม่ศึกษาให้ถี่ถ้วนและคิดให้มากกว่านี้ อยากจะหยิกตัวเองจริงๆ
ก่อนทำตาสองชั้นเป็นคนชั้นตาหลบใน อยากมีชั้นตาชัดๆ ให้แต่งหน้าสวยๆ
ได้ตาไม่สวย แถมคลินิกเดิมปัดความรับผิดชอบ
ก่อนทำตาสองชั้น บางมุมก็เห็นชั้นตา บางมุมก็ไม่เห็นชั้นตา เลยตัดสินใจ(พลาด)ทำตาสองชั้นค่ะ
เราเพิ่งเคยทำตาสองชั้นครั้งแรกเลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรสักเท่าไหร่ ตื่นเต้น มึน งงไปหมด แต่ก็ด้วยความอยากสวยเลยผ่านจุดนั้นมาได้ บอกเลยค่ะว่าวันแรกคือสาหัส ตาเราก็บวมระบมไปหมด แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า เออทำศัลยกรรมมันก็บวมช้ำเป็นปกติแหละ ช่วงอาทิตย์แรกเราดูไม่ออกเลยค่ะว่าชั้นตาของเราจะออกมาเป็นแบบไหน จนเกือบเดือนได้รู้สึกว่าชั้นตามันไม่ปกติแล้ว มันสูงไปมากไม่ยอมเป็นชั้นตาสวยอย่างที่ควรเป็น เลยติดต่อทางคลินิกไป เค้าก็บอกมาแค่ว่าตอนนี้มันยังไม่เข้าที่ให้รอไปก่อน 3 เดือนถึงเข้าที่ เราก็เป็นคนง่ายๆ เค้าพูดอะไรก็เชื่อไปหมด รอก็รอ แต่คุณพระเจ้าขา ผ่านมา 3 เดือนก็แล้ว ชั้นตาที่เค้าบอกว่าจะยุบเข้าที่สวยแน่ๆ มันไม่ยุบค่ะ ค้างเติ่งเป็นดาวค้างฟ้าเลยเธอ
ให้ภาพมันเล่าเรื่องนะคะ ให้มันแฉไปเลยว่าตาเคยพังขนาดไหน
แต่ที่พังยิ่งกว่าตาของเราคือคลินิกค่ะ พอเราเห็นว่าตาเรามันคงไม่ยุบสวยแน่ๆ เราอยากให้แก้ แต่เค้าเลือกไม่แก้ให้เรา บอกแค่ว่าเคสเราทำยาก และเราที่อยากได้ชั้นตาหนาๆ เอง สุดท้ายเค้าเงียบใส่เราไปเลยค่ะ ช่วงนั้นคือปวดหัวกับเรื่องนี้มากสุดท้ายตัดใจไม่ตามแล้ว เสียสุขภาพจิต
ชั้นตาสูงจนปิดตาดำไปเกือบครึ่ง โดนล้อหนักมาก ท้อค่ะ
โดนล้อจนท้อ ได้แต่ยิ้มสู้
คิดว่าเรื่องจะจบแต่ไม่เลย เหมือนปิดประตูหนีเรื่องแย่ๆ แล้วเจออะไรที่แย่กว่าเดิม เพราะหลังจากเราทำตาสองชั้นไป รอบตัวเราตอนแรกก็ตื่นเต้น
ดีใจกับเรา แต่พอสุดท้ายตามันพัง คลินิกไม่แก้ตาให้ ตังเก็บเราก็หมด เราเลยใช้ชีวิตอยู่กับตาพังๆ ไปก่อน กลายเป็นว่าคนรอบเรานี่แหละที่ร้ายไม่หยุด หลายคนเป็นห่วงว่าเราจะเป็นกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง(ขอขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ) แต่หลายคนก็เริ่มทำตัวเป็นเพื่อนรักเพื่อนร้าย เริ่มหยอกล้อด้วยคำพูด ตาหอยแครงบ้าง ตาปรือบ้าง ง่วงนอนหรอ ไปนอนก่อนมั้ยตลอดเวลา สารพัดที่จะหาคำมาพูดให้สนุกปาก แรกๆ เราก็ขำหลังๆ ขำไม่ออกค่ะ เจอคำพูดแบบนี้บ่อยจนท้อ ได้แต่หัวเราะข้างนอก แต่ข้างในน้ำตาตกไปหลายรอบแล้วค่ะ
ตั้งแต่ทำตามาลืมตาได้ไม่เคยสุด
ยิ่งหลับตายิ่งเห็นรอยกรีดชัดมาก
เช็ดน้ำตา เก็บตังแก้ตาใหม่
สภาพร่างกายว่าแย่แล้ว สภาพจิตใจแย่ยิ่งกว่า เราจิตตกไปเลยจากที่จะรับสภาพที่เป็นอยู่ สุดท้ายดึงตัวเองให้กลับมาฮึดใหม่ ถ้าทำตามาแล้วมันพัง ทำไมเราต้องจมไปกับมันด้วยล่ะ เราตัดสินใจหาที่แก้ตาใหม่อีกครั้งค่ะ แต่ครั้งนี้บอกกับตัวเองเลยว่า คิดให้ดี ดูให้ดี ใจเย็นๆ ไม่วู่วาม ถ้าถามว่าเรายังดูรีวิวอยู่มั้ย ก็ขอตอบว่ายังดูอยู่ค่ะ แต่ดูอย่างมีสติแทน เข้าไปดูคลินิก คุยกับเซลล์อยู่หลายที่จนมั่นใจ ถึงกล้ามูฟออนทำตาสองชั้นใหม่อีกครั้งค่ะ
จำหน้านี้ไว้เลยนะคะ ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วตาพังๆ แบบนี้แล้วค่ะ ขอมูฟออน
มูฟออนอย่างมั่นคง เลือกที่แก้ตาใหม่แบบมีสติ ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม
แก้ตาครั้งนี้ ใจเราก็กลัวจะซ้ำรอยเหมือนกันนะคะ มีคนบอกว่าถ้าทำตาสองชั้นแล้วพังจะกลับไปแก้ไม่ได้แล้ว ยิ่งแก้ยิ่งพัง แต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับตาแบบนี้ไม่ได้จริงๆ สภาพ ขอมูฟออนอย่างมั่นคง หาที่ที่มั่นใจ ซึ่งครั้งนี้เราขอแก้ตาที่ ดิอาท คลินิกค่ะ ส่วนหนึ่งมีคนรู้จักไปทำออกมาแล้วสวยดี เราทักไปคุยกับเค้าว่าเป็นยังไงดีแย่แค่ไหน ซึ่งเค้าโอเคกับที่นี่จริงๆ และเราก็ได้เข้าไปที่คลินิกดูบรรยากาศ พูดคุยกับหมอและรายละเอียดต่างๆ จนมั่นใจ เลยเลือกที่จะแก้ตาที่ ดิอาท ค่ะ
เข้าไปคุยกับหมอหลิง (พญ.กัญญ์ชิสา วงศ์ไชยกิจ) พูดชัดเคลียร์ จนเรามั่นใจ
เบื้องหลังผู้กู้ตาพังให้กลับมาปังอีกครั้ง
ตอนที่เราคุยกับหมอหลิง (พญ.กัญญ์ชิสา วงศ์ไชยกิจ) เรื่องแก้ตา เราแค่หวังว่าเราอยากได้ตาแบบเดิมกลับมา อยากได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา ไม่อยากตื่นมาแล้วจิตตกทุกวัน ไม่อยากโดนล้ออีกแล้ว ซึ่งจุดนี้หมอหลิงน่ารักและคุยกับเราแบบดีมากๆ หมอหลิงบอกว่ากรณีของเราค่อนข้างแก้ยากหน่อยเพราะชั้นตาโดนเย็บขึ้นไปสูงมากและมีภาวะหนังตาตก และภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงร่วมด้วย ต้องแก้หลายส่วน ไม่ใช่แค่กรีดแล้วเย็บตาใหม่ แต่ต้องแก้โดยปรับระดับชั้นตาให้เราใหม่ เติมไขมันชั้นตาเพื่อลดระดับชั้นตาอันเก่าที่สูง, แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยใช้เทคนิคกรีดยาวและเทคนิคการเย็บแบบซ่อนแผลร่วมด้วยค่ะ ที่จริงหมอหลิงอธิบายเยอะและละเอียดมากๆ จนเราใจชื้นขึ้นเลยว่าตาจะกลับมาเป็นปกติได้ และหมอหลิงก็ทำให้เราได้จริงค่ะ
แก้ตาสองชั้นต้องดูแลมากกว่าปกติ?
การดูแลตัวเองก่อนแก้ตาไม่ต่างกับตอนทำตาสองชั้นทั่วไปเลย หลักๆ คือ เราต้องแจ้งให้ทราบว่าเรามีแพ้ยา หรือโรคประจำตัวอะไรมั้ย งดเหล้า ยา บุหรี่ แอลกอฮอล์ อาหารเสริมทุกชนิด หลับให้เยอะ จะให้ดีนอน 8 ชั่วโมงไปเลยค่ะ ทำใจให้สบาย อย่าลืมอันนี้สำคัญค่ะ สระผมก่อนไปแก้ตานะ เพราะจะไม่ได้สระไปอีกหลายวัน แล้วก็ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ ใครสายตาสั้น ยาว หรือเอียง พกแว่นไปด้วยนะคะ ใส่ชุดที่สวม-ถอดง่าย เพราะหลังทำตาถ้าเสื้อคอแคบ จะทำให้เกี่ยวแผลได้ ใส่เสื้อแบบที่มีกระดุมหน้าหรือคอกว้างดีกว่า เซฟๆ
หมอหลิงออกแบบชั้นตาให้เราใหม่ค่ะ
วันแก้ตาจริงเราแอบใจตุ่มๆ ต่อมๆ กังวลอยู่เหมือนกันค่ะ ประสบการณ์ทำตาสองชั้นจากที่แรกฝังใจมากๆ แต่ก็ผ่านไปด้วยดีต้องขอบคุณทุกคนในคลินิก ที่เป็นกำลังให้เราเป็นอย่างดี ไม่ทำให้เรารู้สึกตระหนกในวัน
นั้นจริงๆ ปกติทำตาสองชั้นจะอยู่ที่ไม่เกิน 1 ชั่วโมงแต่เคสของเราคุณหมอยังเอ่ยปากว่างานหิน แก้ตาไปชั่วโมงกว่าเลย ทำเสร็จก็รับยา และรับทราบวิธีการดูแลก็กลับบ้านได้ ตอนกลับบ้านเหมือนยกภูเขาออกจากอก หวังว่ารอบนี้ตาจะดีกับเค้าสักที
ตัวไหมเย็บชั้นตาที่หมอหลิงใช้ในเทคนิคเย็บซ่อนแผล ( 𝐈𝐧𝐯𝐢𝐬𝐢𝐛𝐥𝐞 𝐒𝐜𝐚𝐫)
หลังแก้ตาก็กลับมาพักที่บ้านดูแลตัวเองค่ะ รอบนี้ก็ยังบวมและระบม แต่ไม่รู้คิดไปเองมั้ยว่ามันน้อยกว่าครั้งแรก ดูแลวนไปประคบเย็นอยู่ 3 วัน แล้วก็ประคบอุ่นต่ออีก 2 วันตามคำแนะนำของคลินิก, ทำความสะอาดแผลเป็นประจำ เช้าเย็น ระวังอย่าให้โดนตา อ่อ 1-2 วันแรกเรานอนหัวสูงเลยค่ะ กลัวเลือดมันคั่งในตาแล้วจะบวมหนัก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้บวมช้ำสักเท่าไหร่ พอไปตัดไหมก็รู้สึกว่าความบวมเริ่มน้อยลง และเริ่มเห็นชั้นตาสวยๆ ก็เข้าอาทิตย์ที่สอง บอกเลยรอบนี้ไม่มีอาการตาค้างเติ่งแบบรอบแรกเลยค่ะ มีแต่บวมน้อยลง ช้ำน้อยลง จนครบเดือนก็รู้สึกว่านี้แหละ ตาที่เราอยากได้
แก้ตาใหม่ครั้งนี้ ตาสวยปังไม่พังแล้วค่ะ
อดีตเคยพัง ปัจจุบันตาสวย ไม่ต้องแก้ตาแล้วค่ะ
จะบอกว่าสวยกว่าที่หวังไว้มากๆ เลยค่ะ ตอนแรกยอมทำใจกลับไปเป็นตาสองชั้นหลบในแบบเมื่อก่อนก็พอใจแล้ว แต่อันนี้ต้องยอมรับจริงๆ ว่า หมอหลิงเค้าใส่ใจมากๆ ออกแบบชั้นตาและแก้ไขให้เราดีจนบางทีเราดูกระจกก็แอบน้ำตาซึม เพราะปลื้มใจที่ตาสวยได้ขนาดนี้ เป็นชั้นตาแบบที่คิดไว้ตอนจะทำครั้งแรกเลย ยิ่งผ่านไปหลายเดือนตาเริ่มเข้าที่ ความมั่นใจมั่นใจเหมือนมันถูกเติมขึ้นทีละนิด ทีละนิด เราอยากแต่งตัวมากขึ้น อยากแต่งหน้ามากขึ้น อยากใส่ใจตัวเองมากขึ้น กลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้ว
จนตอนนี้ทำตามา 3 ปีแล้ว ชั้นตาก็ยังสวยเป๊ะ เหมือนล็อคไว้ ไม่ต้องไปแก้ตาที่ไหนอีกแล้วค่ะ ขอบคุณหมอหลิง พนักงาน The Art Clinic และพี่ที่ให้คำปรึกษาให้เรากล้าแก้ไขตาที่มันพัง ให้กลับมาดี ครั้งนี้เปิดโลกการศัลยกรรมของเราเลยว่า การจะทำตาสองชั้นครั้งหนึ่งไม่ใช่แค่ดูรีวิว ดูรูปสวยๆ หรือราคาถูกๆ เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพทย์ที่ศัลยกรรมให้เราต้องมีฝีมือและประสบการณ์จบด้านจักษุแพทย์มาเพื่อให้เข้าใจเรื่องตาของเราอย่างแท้จริง คลินิกที่ทำน่าเชื่อถือหรือเปิดมานานแค่ไหน สะอาดดูได้มาตรฐานหรือไม่ ที่สำคัญคือสัญญาของทางคลินิกที่ให้เราเซ็น ตัวหนังสือเยอะหน่อยแต่อ่านให้ครบทุกบรรทัดเพื่อประโยชน์ของเราเองค่ะ
