การฉีดผิว คือการฉีดสารสำคัญต่างๆที่มากกว่าการฉีดวิตามินซีอย่างเดียว จึงช่วยฟื้นฟูสภาพผิวค่อยๆขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการใช้วิตามินบำรุงผิวหลากหลายชนิด สารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิว เข้าทางหลอดเลือดดำในขนาดที่เหมาะสม ประโยชน์ท่จะได้รับจากการฉีดคือมีผลช่วยในเรื่องเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ผิวจะค่อยๆดูขาวกระจ่างใสขึ้น
เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มสารต่อต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างการ ผู้ที่ต้องการการเสริมสร้างคอลลาเจน และเน้นให้ผิวดูขาวกระจ่างใส
- ระยะเวลาในการทำนานประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง ควรทำบ่อยประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง (หรือตามคำแนะนำของแพทย์)
- เข็มที่ฉีดเข้าเส้นเลือดมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับเข็มเจาะเลือดทั่วไป จึงรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยขณะฉีดยาเข้าเส้นเลือด
Diamond White วิตามินผิวขาวนีออน ปรับผิวให้กระจ่างใส
Signature 7D ปรับสีผิวให้กระจ่างใส บำรุงสมอง ดีท็อกซ์ตับ
Aura White วิตามิน ผิวขาวนีออน ปรับผิวให้ กระจ่างใส
Gold White สร้างคอลลาเจนผิวเติมความอ่อนเยาว์ ช่วยให้ผิวเด็ก
IV Drip คืออะไร ? ประโยชน์และข้อควรระวังก่อนทำ
IV Drip หรือ Vitamin Drip คือ การฉีดวิตามินหรือสารอาหารต่างๆ ผ่านทางสายน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือดดำ ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้ทั้งหมดเกือบ 100% อีกทั้งยังเห็นผลได้ทันทีทันใจ
โดยปกติแล้ว ร่างกายจะดูดซึมวิตามินหรือสารอาหารต่างๆ ผ่านทางระบบทางเดินอาหาร ซึ่งต้องใช้เวลาและอาจสูญเสียวิตามินบางส่วนไประหว่างการย่อยและการดูดซึม
แต่การฉีดวิตามินหรือสารอาหารต่างๆ ผ่านทางหลอดเลือดดำนั้น ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินได้ทั้งหมดเกือบ 100% เนื่องจากวิตามินจะถูกส่งตรงไปยังกระแสเลือดและเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายได้ทันที
IV Drip มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินและสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี มีส่วนช่วยในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินดี มีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดีขึ้น
- ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
- ช่วยลดน้ำหนัก วิตามินบางชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินซี มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
ข้อควรระวังก่อนเข้ารับบริการ
ก่อนทำ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ป่วยที่แพ้วิตามินหรือสารอาหารบางชนิด ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
IV Drip ย่อมาจาก ย่อมาจาก Intravenous Therapy ซึ่งแปลว่า การให้ยาหรือสารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำ
การทำ IV Drip วิตามินดีไหม
โดยทั่วไปแล้ว การทำ วิตามินดีถือว่าดีต่อร่างกาย เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า วิตามินดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินดีมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง วิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน วิตามินดีมีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดีขึ้น
- ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย วิตามินดีมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
- ช่วยลดน้ำหนัก วิตามินดีมีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ช่วยให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การทำวิตามินดีก็อาจมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้
- อาการแพ้ ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้วิตามินดี ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
- ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็ม การทำ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็ม เช่น อาการบวม แดง คัน หรือติดเชื้อ
- ภาวะแทรกซ้อนจากวิตามินดีเกิน การทำ วิตามินดีในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ก่อนทำ IV Drip วิตามินดี ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
การดริปวิตามิน ช่วยให้ผิวขาวได้จริงไหม
ผิวขาวได้จริง เนื่องจากวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
สูตรวิตามินผิวขาวที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- สูตรวิตามินซี : วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย
- สูตรวิตามินเอ : วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออก เผยเซลล์ผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใส ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยหมองคล้ำ
- สูตรวิตามินเอสูตรวิตามินอี : วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย
นอกจากนี้ ยังมีสูตรวิตามินผิวขาวอื่นๆ ที่นิยม เช่น สูตรวิตามินบี สูตรโคเอ็นไซม์คิว10 สูตรกรดอัลฟาไลโปอิก เป็นต้น การเลือกสูตรวิตามินผิวขาวควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล
IV Drip ลดน้ําหนัก สามารถลดน้ำหนักได้จริงไหม
สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สูตรวิตามินที่ใช้ ปริมาณวิตามินที่ใช้ สภาพร่างกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
สูตรวิตามินที่ได้รับความนิยมในการลดน้ำหนัก ได้แก่ สูตรวิตามินบี สูตรวิตามินซี สูตรวิตามินดี และสูตรกรดอะมิโน โดยวิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้
ปริมาณวิตามินที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ปริมาณวิตามินที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อกำหนดปริมาณวิตามินที่เหมาะสม
สภาพร่างกายของแต่ละบุคคลก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วย IV Drip ควรควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปแล้วสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ โดยผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานประมาณ 2-3 เดือน อย่างไรก็ตาม หากหยุดทำ และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ น้ำหนักที่ลดลงอาจกลับมาเท่าเดิมได้
คำแนะนำในการลดน้ำหนักด้วย มีดังนี้
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
- เลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความต้องการของแต่ละบุคคล
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
- ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหากมีอาการผิดปกติหลังทำ
IV Drip อันตรายไหม
IV Drip โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยหากทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้
- อาการแพ้ ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้วิตามินหรือสารอาหารบางชนิด ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ IV Drip
- ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็ม การทำ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็ม เช่น อาการบวม แดง คัน หรือติดเชื้อ
- ภาวะแทรกซ้อนจากวิตามินเกิน การทำ วิตามินในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ไตวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สูตรวิตามินที่ใช้ ปริมาณวิตามินที่ใช้ สภาพร่างกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ควรทําบ่อยแค่ไหน
ความถี่ในการดริปวิตามินนั้นขึ้นอยู่กับสูตรวิตามินที่ใช้และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว สูตรวิตามินที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- สูตรวิตามินผิวขาว : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 3-4 สัปดาห์
- สูตรลดน้ำหนัก : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 4-6 สัปดาห์
- สูตรบำรุงสุขภาพ : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อประเมินความถี่ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ หากต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรทำ อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป
ควรเลือกบริการที่ไหนดี โรงพยาบาลหรือ คลินิก ต่างกันไหม
โรงพยาบาลและคลินิกที่ให้บริการ ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้
โรงพยาบาล
- ข้อดี
- มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง
- มีแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
- มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยและสะอาด
- ข้อเสีย
- ราคาอาจสูงกว่าคลินิก
- อาจต้องรอคิวนาน
คลินิก
- ข้อดี
- ราคาอาจถูกกว่าโรงพยาบาล
- สะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่า
- ข้อเสีย
- มาตรฐานและความปลอดภัยอาจไม่เท่าโรงพยาบาล
- แพทย์และพยาบาลอาจไม่มีประสบการณ์มากเท่าโรงพยาบาล
โดยสรุปแล้ว การเลือกสถานที่ทำ ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ความปลอดภัย ควรเลือกสถานที่ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง
- ความสะดวก ควรเลือกสถานที่ที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
- ราคา ควรเลือกสถานที่ที่มีราคาเหมาะสมกับงบประมาณ
นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับคำถามที่ว่า “ทำที่ไหนดี โรงพยาบาลหรือคลินิก” คำตอบขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลของแต่ละบุคคล ดังนี้
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก ควรเลือกทำ ที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง มีแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกเป็นหลัก ควรเลือกทำ ที่คลินิก เนื่องจากสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก ควรเลือกทำ IV Drip ที่คลินิก เนื่องจากราคาอาจถูกกว่าโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสถานที่ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ต้องสะอาดและปลอดภัย
ราคา เท่าไหร่
โดยในส่วนของราคาขึ้นอยู่กับสูตรของวิตามินและระยะเวลาในการทํา โดยโดยทั่วไปมีราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท
ราคา IV Drip นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สูตรวิตามินที่ใช้ สูตรวิตามินแต่ละสูตรมีราคาแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว สูตรวิตามินผิวขาวจะมีราคาแพงที่สุด รองลงมาคือสูตรลดน้ำหนัก และสูตรบำรุงสุขภาพ
- ปริมาณวิตามินที่ใช้ ปริมาณวิตามินที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ปริมาณวิตามินที่มากขึ้นจะทำให้ราคาสูงขึ้น
- ระยะเวลาในการทำ ระยะเวลาในการทำ แต่ละครั้งแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ราคาจึงแตกต่างกันไปตามระยะเวลา
- สถานที่ทำ โรงพยาบาลและคลินิกที่ให้บริการ ต่างก็มีราคาที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว โรงพยาบาลจะมีราคาแพงกว่าคลินิก
โดยสรุปแล้ว
คือการให้วิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำโดยตรง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ทั้งหมดเกือบ 100% ส่งผลให้เห็นผลได้เร็วกว่าการรับประทานวิตามิน
ประโยชน์ได้แก่
- ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส
- ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
- ช่วยเพิ่มพลังงาน
- ช่วยฟื้นฟูร่างกาย
- ช่วยลดน้ำหนัก
โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยหากทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้
- อาการแพ้
- ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็ม
- ภาวะแทรกซ้อนจากวิตามินเกิน
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ IV Drip เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ความถี่ในการดริปวิตามินนั้นขึ้นอยู่กับสูตรวิตามินที่ใช้และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว สูตรวิตามินที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- สูตรผิวขาว : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 3-4 สัปดาห์
- สูตรลดน้ำหนัก : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 4-6 สัปดาห์
- สูตรบำรุงสุขภาพ : แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์
การเลือกสถานที่ทำ ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ความปลอดภัย ควรเลือกสถานที่ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูง
- ความสะดวก ควรเลือกสถานที่ที่สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
- ราคา ควรเลือกสถานที่ที่มีราคาเหมาะสมกับงบประมาณ
ในส่วนของราคา นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สูตรวิตามินที่ใช้
- ปริมาณวิตามินที่ใช้
- ระยะเวลาในการทำ
- สถานที่ทำ
โดยสรุปแล้ว IV Drip เป็นทางเลือกหนึ่งในการเสริมวิตามินให้ร่างกาย แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้