ปรับรูปหน้าให้สวยครบมิติ ด้วยการเสริมคาง

การศัลยกรรมเสริมคางคือ หนึ่งในการศัลยกรรมความงามที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงรูปร่างหรือขนาดของคาง เพื่อให้เกิดความสมดุลและความกลมกลืนกับลักษณะใบหน้าอื่นๆ มากขึ้น วิธีการนี้สามารถช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่รู้สึกไม่พอใจกับลักษณะของคางของตนเอง ซึ่งอาจเป็นคางที่เล็กเกินไป ไม่มีความชัดเจน หรือไม่สมดุลกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า

การศัลยกรรมประเภทนี้นั้น สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งรวมถึงการใช้ซิลิโคนหรือวัสดุอื่นๆ เช่น PTFE (Polytetrafluoroethylene) หรือกระดูกสังเคราะห์ ซึ่งถูกวางเข้าไปใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณคาง เพื่อเพิ่มขนาดหรือเปลี่ยนรูปทรงของคางให้เข้ากับความต้องการ นอกจากนี้ยังมีวิธีการฉีดสารเติมเต็ม (Fillers) เพื่อเพิ่มขนาดหรือปรับรูปทรงของคางในระยะสั้นๆ หรือการตัดแต่งกระดูกคางเพื่อลดขนาดหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงของคางให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้า

การศัลยกรรมนี้ต้องการการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการศัลยกรรม เช่น การติดเชื้อ การเกิดรอยแผลเป็น หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ การสื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังและผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับความต้องการของผู้รับการศัลยกรรมมากที่สุด

สารบัญ เสริมคาง

• เสริมคางคืออะไร
• รูปทรงคางที่เหมาะกับรูปหน้า
• ปัญหาหลังเสริมคางแล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร
• หลังเสริมคางแล้วฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม
• ศัลยกรรมเสริมคางเจ็บไหม
• เสริมคาง พักฟื้นนานแค่ไหน?
• เสริมคางแผลนอก กี่วันหาย
• ศัลยกรรมเสริมคาง ผู้ชาย สามารถทำได้ไหม
• หลังเสริมคางกี่เดือนเข้าที่
• หลังศัลยกรรมเสริมคาง กี่วัน ต้องรัด แกน
• เสริมคางที่ไหนดี ควรเลือกจากอะไรบ้าง
• เสริมคาง ราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่

เสริมคางคืออะไร

การเสริมคางคือขั้นตอนหนึ่งในการศัลยกรรมความงามที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงและขนาดของคาง โดยปกติจะทำเพื่อสร้างความสมดุลกับส่วนอื่นๆ ของหน้า ช่วยให้รูปหน้ามีความสมส่วนและดูดีขึ้น ขั้นตอนนี้สามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการใช้ซิลิโคนหรือวัสดุเทียมอื่นๆ ในการศัลยกรรมหรือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มปริมาณให้กับบริเวณคาง

วิธีการเสริมคาง

• การใช้ซิลิโคนหรือวัสดุเทียม: วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดโดยใช้วัสดุเทียม เช่น ซิลิโคน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างรูปทรงคางที่ต้องการ วัสดุจะถูกวางใต้ผิวหนังหรือบนกระดูกคาง เพื่อเพิ่มขนาด ปรับรูปทรง หรือแก้ไขความไม่สมดุลของคาง
• การฉีดฟิลเลอร์: วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัดและใช้ฟิลเลอร์เช่นไฮยาลูโรนิค แอซิด เพื่อเพิ่มปริมาณและปรับรูปทรงคาง ผลลัพธ์เป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวและสามารถย้อนกลับได้
• การถ่ายย้ายไขมัน: ใช้ไขมันจากตัวผู้ป่วยเองที่ได้มาจากการดูดไขมัน แล้วฉีดเข้าไปที่คางเพื่อเพิ่มปริมาณและปรับรูปทรง

การเสริมคางสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเช่น คางที่ดูเล็กหรือไม่สมส่วนกับหน้า คางที่ถอยหลัง หรือคางที่ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยได้รูปหน้าที่ดูมีมิติและสมดุลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจศัลยกรรมควรพิจารณาข้อมูล คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างมีเหตุผล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย.

รูปทรงคางที่เหมาะกับรูปหน้า

การเลือกรูปทรงคางที่เหมาะสมกับรูปหน้าสามารถช่วยสร้างความสมดุลและเสริมสร้างความงามของโครงหน้าได้ คำแนะนำที่คุณให้มาเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ดีในการเริ่มต้นพิจารณาว่ารูปทรงคางแบบไหนที่อาจเหมาะสมกับรูปหน้าแต่ละประเภท:

• รูปหน้าเหลี่ยม: คางทรงเหลี่ยม ปลายแหลม สามารถช่วยเพิ่มความแหลมคมและลดความรู้สึกแข็งของรูปหน้าเหลี่ยมได้ ทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น
• รูปหน้ากลม: คางทรงยาว ปลายแหลม ช่วยยืดรูปหน้าให้ดูยาวขึ้นและลดความกลมของหน้า สร้างความสมดุลให้กับหน้าที่ดูกลม
• รูปหน้ายาว: คางทรงกลม ปลายมน สามารถช่วยลดความยาวของหน้าได้ดี ทำให้หน้าดูสั้นลงและมีความสมดุลมากขึ้น
• รูปหน้ารูปไข่: ถือว่าเป็นรูปหน้าที่สมดุลที่สุด คางทรงเหลี่ยม ปลายมน สามารถช่วยเสริมให้หน้าดูมีมิติและเสริมความสง่างามได้

การเลือกคางไม่เพียงแต่พิจารณาจากรูปทรงคางเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความสมดุลของโครงหน้าโดยรวม รวมถึงความกว้างของหน้า ความยาวของจมูก และขนาดของปากด้วย การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมความงามหรือศัลยกรรมจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรูปทรงคางที่เหมาะกับรูปหน้าของคุณ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการในเชิงความงามของคุณได้อย่างลงตัว.

เทคนิคเสริมคางแบบ Interlocking คือ

เทคนิคเสริมแบบ “Interlocking” เป็นวิธีการศัลยกรรมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความมั่นคงและความปลอดภัยในการยึดเกาะของวัสดุเสริมคางกับโครงสร้างกระดูกคาง โดยปกติ วัสดุเสริมที่ใช้ (เช่น ซิลิโคน) จะมีการออกแบบหรือปรับแต่งให้มีลักษณะพิเศษที่ช่วยให้สามารถ “ล็อก” เข้ากับโครงสร้างกระดูกได้อย่างแน่นหนา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่วัสดุเสริมจะเคลื่อนที่หลังการศัลยกรรม

ข้อดีของเทคนิค Interlocking

• ความมั่นคงสูง: การออกแบบที่ช่วยให้วัสดุเสริมล็อกเข้ากับกระดูกช่วยเพิ่มความมั่นคง ลดความเสี่ยงของการเคลื่อนที่หรือหมุนเวียนของวัสดุเสริม
• ความเรียบร้อยของผลลัพธ์: ช่วยให้ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรมมีความเรียบร้อย และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
• ความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดจากการเคลื่อนที่ของวัสดุเสริม

ในการปฏิบัติเทคนิคนี้ แพทย์ศัลยกรรมจะทำการผ่าตัดโดยเปิดเผยโครงสร้างกระดูกคาง แล้วจัดวางวัสดุเสริมที่มีลักษณะพิเศษเพื่อให้สามารถล็อกเข้ากับกระดูกคางได้อย่างแน่นหนา การออกแบบของวัสดุเสริมอาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตและความต้องการเฉพาะของผู้ป่วย

เทคนิคนี้ต้องการความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากแพทย์ศัลยกรรมเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ผู้ที่สนใจในการเสริมคางด้วยวิธีนี้ควรปรึกษากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ในเทคนิคนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวัง ผลลัพธ์ที่ต้องการ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การเลือกเทคนิคเสริมที่เหมาะสมควรพิจารณาจากคำแนะนำของแพทย์ โครงสร้างของคางและใบหน้าของผู้ป่วย รวมถึงความคาดหวังในผลลัพธ์ที่ต้องการ การศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญซึ่งควรพิจารณาอย่างรอบคอบและมีการวางแผนอย่างดี.



ทำไมถึงต้องเลือกศัลยกรรมคาง ที่ The Art Clinic ?

ดิอาทคลินิก เป็นคลินิกเสริมคางอันดับต้นๆ ของเมืองไทย โดย นพ.ธรรมรัตน์ จันทร์นวล (คุณหมออาท) ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าและบรรดา ดารา เน็ตไอดอล มากมาย

ซึ่งคุณหมออาทและทีมแพทย์มีความชำนาญด้านการเสริมปรับโครงหน้าและเสริมโหงวเฮ้ง การันตีด้วยประสบการณ์การเสริมมามากกว่า 10,000 เคส ซึ่งการเสริมของคุณหมออาทและทีมแพทย์จะมีเทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า Interlocking เป็นเทคนิคเฉพาะของทาง The Art Clinic และคุณหมอมีความปราณีต ใส่ใจทุกๆ รายละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อดีของการเสริมคาง The Art Clinic

เทคนิค Interlocking

ถูกคิดค้นโดยหมออาท The Art Clinic ที่เดียว ไร้รอยต่อ ไร้สกรู ไร้รอยแผลเป็น

เทคนิคเสริมแผลใน

หมดกังวลเรื่องรอยแผลเป็นกวนใจ

เหลาและออกแบบซิลิโคนอย่างพิถีถัน

ปรับทรงให้พอดีกับโครงหน้าของคนไข้เคสต่อเคส

ไร้สกรู ไร้รอยต่อของซิลิโคน

ผลลัพธ์หลังทำเรียบเนียนเข้ากับฐานกระดูกคนไข้

ปัญหาหลังเสริมคางแล้วเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร

การเสริมคางแล้วเป็นก้อนอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึง:

1. การตอบสนองต่อวัสดุที่ใช้ในการเสริม : บางครั้งร่างกายอาจมีปฏิกิริยาต่อวัสดุที่ใช้ เช่น ซิลิโคนหรือวัสดุเติมเต็มอื่นๆ ทำให้เกิดการอักเสบหรือการสร้างเนื้อเยื่อรอบๆ วัสดุนั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดก้อน
2. การติดเชื้อ: การเสริมเป็นการผ่าตัดที่สามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้ การติดเชื้อสามารถทำให้เกิดการอักเสบและการสะสมของเนื้อเยื่อและหนอง ซึ่งอาจทำให้เกิดก้อนที่บริเวณคาง
3. การเกิดรอยแผลเป็นภายในหรือเนื้อเยื่อแผลเป็น: หลังการศัลยกรรม ร่างกายจะเริ่มกระบวนการรักษาตัวเอง ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็น การสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็นมากเกินไปสามารถทำให้เกิดก้อนที่บริเวณคาง
4. การเคลื่อนที่หรือการหลุดของวัสดุเสริม: ในบางกรณี วัสดุเสริมอาจเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมหรือหลุด ทำให้เกิดก้อนหรือความไม่สม่ำเสมอบนผิวหนัง
5. การสะสมของของเหลวหรือเลือด (Seroma หรือ Hematoma): หลังการผ่าตัด อาจมีการสะสมของเลือดหรือของเหลวในบริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้เกิดก้อน

หากคุณประสบปัญหานี้หลังการเสริม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงและปัญหาที่อาจตามมา.

หลังเสริมคางแล้วฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม

หลังจากการเสริมคางด้วยวิธีการผ่าตัด, การฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อปรับปรุงหรือเพิ่มความสมบูรณ์แบบของผลลัพธ์ โดยปกติแล้วฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่อาจต้องการการปรับปรุงเล็กน้อย เช่น การปรับรูปทรงหรือเพิ่มความกลมกลืนให้กับคางเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ควรพิจารณา:

1. ระยะเวลาการฟื้นตัว: ควรรอให้บริเวณที่ผ่าตัดฟื้นตัวและหายดีสนิทก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งอาจหมายถึงการรอหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์
2. ความเหมาะสม: ควรมีการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมเพื่อประเมินว่าการฉีดฟิลเลอร์หลังการเสริมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่ โดยพิจารณาจากลักษณะของคางและผลลัพธ์ที่ต้องการ
3. ประเภทของฟิลเลอร์: มีฟิลเลอร์หลายชนิดที่มีให้เลือกใช้ แต่ละชนิดมีลักษณะพิเศษและระยะเวลาที่คงทนแตกต่างกัน ควรเลือกประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและสภาพผิว
4. ความเสี่ยงและผลข้างเคียง: ทุกการฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการติดเชื้อ การอักเสบ หรือการเกิดก้อนฟิลเลอร์ ควรพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้อย่างรอบคอบ

การฉีดฟิลเลอร์หลังการเสริมสามารถทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเพิ่มความมั่นใจ แต่ควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญและหลังจากที่บริเวณที่เสริมได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่เท่านั้น.

ศัลยกรรมเสริมคางเจ็บไหม

การศัลยกรรมเสริมคางเหมือนกับการผ่าตัดทั่วไป ซึ่งอาจมีความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดในระหว่างการฟื้นตัว ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคน, วิธีการผ่าตัด, และการใช้ยาบรรเทาความเจ็บปวด

1. ในระหว่างการผ่าตัด: คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากจะได้รับยาชาหรือยาสลบ ซึ่งทำให้คุณไม่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด
2. หลังการผ่าตัด: คุณอาจมีความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดบริเวณที่ผ่าตัด แพทย์จะสั่งยาบรรเทาความเจ็บปวดเพื่อช่วยลดอาการเหล่านี้ สำหรับบางคน ความเจ็บปวดอาจมีเพียงเล็กน้อยและสามารถจัดการได้ด้วยยาบรรเทาความเจ็บปวดที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยา ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าและต้องการยาแก้ปวดที่แรงกว่า
3. ระยะเวลาของความเจ็บปวด: อาการเจ็บปวดส่วนใหญ่จะดีขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด และควรค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังการผ่าตัด เช่น การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การใช้ความเย็นบรรเทาบริเวณที่ผ่าตัด และการติดตามกับแพทย์ตามนัดหมาย สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดและเร่งกระบวนการฟื้นฟูได้ หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวังและวิธีการบรรเทาความเจ็บปวดที่เหมาะสม.

หลังผ่าตัดเสริมคางพักฟื้นนานแค่ไหน?

ระยะเวลาการพักฟื้นหลังจากการเสริมคางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงวิธีการเสริมที่เลือกใช้ สภาพร่างกายและการตอบสนองของแต่ละบุคคลต่อการรักษา โดยทั่วไป ระยะเวลาการพักฟื้นสามารถสรุปได้ดังนี้:

การเสริมคางด้วยการผ่าตัด (ซิลิโคนหรือวัสดุเทียมอื่นๆ)

• ระยะเวลาการพักฟื้นเบื้องต้น: ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก
• การลดบวมและช้ำ: บวมและช้ำอาจเริ่มลดลงอย่างมากภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่อาจใช้เวลานานถึงหลายเดือนกว่าจะหายไปอย่างสมบูรณ์
• ผลลัพธ์สุดท้าย: ผลลัพธ์สุดท้ายอาจเริ่มเห็นได้ชัดเจนหลังจากบวมและช้ำหายไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน

การเสริมคางโดยใช้ฟิลเลอร์หรือการถ่ายย้ายไขมัน

• ระยะเวลาการพักฟื้นเบื้องต้น: ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหรือภายใน 1-2 วันหลังการรักษา กิจกรรมปกติส่วนใหญ่สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหา
• การลดบวมและช้ำ: บวมและช้ำจากการฉีดฟิลเลอร์หรือการถ่ายย้ายไขมันมักจะลดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วันถึง 1-2 สัปดาห์
• ผลลัพธ์สุดท้าย: ผลลัพธ์ที่เห็นได้จากการฉีดฟิลเลอร์หรือการถ่ายย้ายไขมันมักจะเป็นผลทันที แต่อาจมีการปรับตัวเล็กน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรก

การดูแลตัวเองหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การพักฟื้นเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการเข้ารับการตรวจติดตามตามนัดเพื่อให้แพทย์สามารถประเมินผลการรักษาและการฟื้นตัวของคุณได้อย่างเหมาะสม.

เสริมคางแผลนอก กี่วันหาย

การเสริมคางโดยใช้วิธีการผ่าตัดแผลนอก (external approach) หมายถึงการทำศัลยกรรมโดยมีการสร้างแผลบริเวณใต้คางหรือบนพื้นที่ที่สามารถซ่อนรอยแผลได้ ระยะเวลาการฟื้นตัวและการหายของแผลสามารถแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย วิธีการดูแลรักษาหลังการผ่าตัด และความเร็วในการฟื้นฟูของร่างกาย โดยทั่วไป นี่คือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับระยะเวลาการฟื้นตัว:

• 1-2 วันแรกหลังการผ่าตัด: อาจมีอาการบวมและช้ำบริเวณที่ผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่
• หลัง 1 สัปดาห์: ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงานหรือกิจกรรมปกติได้ แต่อาจยังมีบางข้อจำกัดในการทำกิจกรรมที่ต้องการความพยายามมาก และอาจมีการนัดหมายกับแพทย์เพื่อตรวจแผล
• หลัง 2-4 สัปดาห์: อาการบวมและช้ำจะค่อยๆ ลดลง แผลเริ่มหายและดูดีขึ้น
• หลัง 6 สัปดาห์: บริเวณที่ผ่าตัดส่วนใหญ่จะฟื้นตัวดีแล้ว และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
• หลัง 3-6 เดือน: ผลลัพธ์สุดท้ายจะเริ่มปรากฏชัดเจน และแผลจะหายสนิท มีลักษณะเป็นเส้นบางๆ ที่สามารถซ่อนได้ง่าย

ควรทราบว่าการหายของแผลและการฟื้นตัวสมบูรณ์สามารถใช้เวลานานถึงหนึ่งปี โดยขึ้นอยู่กับความเร็วในการฟื้นฟูของร่างกายแต่ละคนและการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด เช่น การหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรงบริเวณแผล การไม่สูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน.

โดยปกติแล้ว แผลจากการเสริมแผลนอกจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วันในการหายสนิท

แต่ระยะเวลาในการหายสนิทอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• เทคนิคการผ่าตัด
• ขนาดของแผล
• สภาพร่างกาย ของคนไข้
• การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมแผลนอก

• ประคบเย็น 48 ชั่วโมงแรก
• ทานยาตามแพทย์สั่ง
• งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล
• แปรงฟันเบาๆ
• เลือกใช้ยาสีฟันสูตรอ่อนโยน
• บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
• งดอาหารรสจัด
• ทานอาหารอ่อนๆ
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก
• พบแพทย์ตามนัด

หากมีอาการผิดปกติ เช่น

• แผลบวมแดง
• มีหนองไหลจากแผล
• รู้สึกเจ็บแผลมาก
• มีไข้

ควรไปพบแพทย์ทันที

แผลจากการเสริมคางแผลนอกจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วันในการหายสนิท แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดแผลเป็น

ศัลยกรรมเสริมคาง ผู้ชาย สามารถทำได้ไหม

ผู้ชายสามารถทำการศัลยกรรมเสริมคางได้ การศัลยกรรมเสริมไม่จำกัดเพศ และมีผู้ชายจำนวนมากเลือกทำการศัลยกรรมนี้เพื่อปรับปรุงรูปทรงของคางและสร้างความสมดุลให้กับโครงหน้า การศัลยกรรมเสริมสามารถช่วยให้คางดูเด่นชัดมากขึ้น, เพิ่มความมั่นใจ, และช่วยให้โครงหน้ามีความสมดุลและเข้ารูปมากขึ้น

สำหรับผู้ชาย, ลักษณะของคางที่แข็งแรงและมีมิติเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย และหลายคนต้องการคางที่ชัดเจนเพื่อเสริมลักษณะนี้ วิธีการทำศัลยกรรมเสริมสำหรับผู้ชายอาจรวมถึงการใช้ซิลิโคนหรือวัสดุเสริมอื่นๆ, การฉีดฟิลเลอร์, หรือการตัดแต่งกระดูกคางเพื่อเปลี่ยนรูปทรงหรือขนาดของคาง

สำคัญที่สุดคือการปรึกษากับศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำศัลยกรรมเสริม เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวังและตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ศัลยแพทย์จะช่วยประเมินโครงสร้างใบหน้าของคุณและแนะนำวิธีการที่จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ รวมถึงการสร้างคางที่ดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับลักษณะโครงหน้าของคุณ.

ข้อดีของการเสริมคางผู้ชาย

• ปรับรูปหน้าให้ดูสมมาตร
• แก้ปัญหาคางสั้น คางถอย คางตัด
• เพิ่มมิติให้กับใบหน้า
• เสริมสร้างความมั่นใจ

ข้อควรระวัง

• ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
• แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• แจ้งแพทย์ประวัติการรักษา
• ยาที่ทาน
• โรคประจำตัว
• ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อแนะนำ

• ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
• เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์
• ปรึกษาแพทย์เพื่อออกแบบรูปทรงคางที่เหมาะสมกับใบหน้า
• ดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด

หลังเสริมคางกี่เดือนเข้าที่

หลังจากการศัลยกรรมเสริมคาง, ระยะเวลาที่คางจะ “เข้าที่” หรือให้ผลลัพธ์ที่เสถียรและธรรมชาติสามารถแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย รวมถึงวิธีการที่ใช้ในการศัลยกรรม, ร่างกายแต่ละคนในการฟื้นฟู, และการดูแลรักษาหลังการผ่าตัด โดยทั่วไป นี่คือแนวทางเกี่ยวกับกรอบเวลาการฟื้นตัว:

• ช่วงแรก (2-4 สัปดาห์แรก): ในช่วงนี้คุณอาจสังเกตเห็นบวมและช้ำรอบบริเวณที่ผ่าตัด ความรู้สึกไม่สบายนี้ควรลดลงอย่างมากภายในสองถึงสี่สัปดาห์แรก
• ระยะเวลาการฟื้นตัวเบื้องต้น (1-3 เดือน): อาการบวมจะค่อยๆ ลดลง และคุณจะเริ่มเห็นรูปทรงของคางที่ปรับปรุงใหม่ อย่างไรก็ตาม อาจยังมีบางบวมที่คงอยู่
• ระยะเวลาให้ผลลัพธ์ที่เสถียร (3-6 เดือน): ส่วนใหญ่ของผู้ที่ทำการเสริมจะเห็นผลลัพธ์ที่เสถียรหลังจากผ่านไป 3 ถึง 6 เดือน บางคนอาจสังเกตเห็นการปรับปรุงเล็กน้อยหลังจากนั้นเนื่องจากบริเวณนั้นยังคงฟื้นตัวและเนื้อเยื่อภายในปรับตัว
• ผลลัพธ์สุดท้าย (6-12 เดือน): หลังจาก 6 เดือนถึง 1 ปี, คุณควรสามารถเห็นผลลัพธ์สุดท้ายของการเสริม ในช่วงเวลานี้, บวมควรจะหายไปอย่างสมบูรณ์และคางจะเข้าที่สมบูรณ์

สำคัญมากที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังการผ่าตัดเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวที่รวดเร็วและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับกระบวนการฟื้นตัวหลังการศัลยกรรมเสริมคาง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลการผ่าตัดเป็นอันดับแรก

หลังศัลยกรรมเสริมคาง กี่วัน ต้องรัด แกน

หลังจากการศัลยกรรม การใช้ผ้าพันหรือรัดแกนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นตัว ซึ่งช่วยให้บริเวณที่ผ่าตัดมีการซับพอร์ต ลดการบวม และช่วยให้วัสดุเสริมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระยะเวลาที่ต้องการใช้ผ้าพันหรือรัดแกนนั้นแตกต่างกันไปตามคำแนะนำของแพทย์และวิธีการที่ใช้ในการศัลยกรรม

โดยทั่วไป, ผู้ป่วยอาจต้องใส่ผ้าพันหรือรัดแกนตลอดเวลา (ทั้งกลางวันและกลางคืน) ในช่วงสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด หลังจากนั้น, อาจมีการปรับเปลี่ยนเป็นการใส่เฉพาะในช่วงกลางคืนหรือตามคำแนะนำของแพทย์ ในบางกรณี, แพทย์อาจแนะนำให้ใส่ผ้าพันหรือรัดแกนเป็นเวลานานกว่า โดยอาจขึ้นอยู่กับลักษณะของการศัลยกรรมและการฟื้นตัวของแต่ละบุคคล

ระยะเวลาที่แน่นอนสำหรับการใส่ผ้าพันหรือรัดแกนควรได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้ดูแลการผ่าตัดของคุณ เนื่องจากพวกเขาจะประเมินสถานการณ์ของคุณอย่างละเอียดและให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฟื้นตัวของคุณ. การติดตามหลังการผ่าตัดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน.

โดยปกติแล้วคางจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนกว่าจะเข้าที่ แต่จะรัดแกนเร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของซิลิโคน วัสดุที่ใช้เย็บแผล เทคนิคการผ่าตัด และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

• ประเภทของซิลิโคน ซิลิโคนมีหลายแบบ เช่น ซิลิโคนแบบตัน ซิลิโคนแบบเหลว ซิลิโคนแบบเสริมปลายคาง ซิลิโคนแบบรองฐานคาง โดยทั่วไปแล้ว ซิลิโคนแบบตันจะใช้เวลารัดแกนนานกว่าซิลิโคนแบบเหลว
• ซิลิโคนเสริมแบบเหลว
• วัสดุที่ใช้เย็บแผล  ไหมเย็บแผลมีหลายแบบ เช่น ไหมละลาย ไหมไม่ละลาย ไหมชนิดดูดซึมได้ ไหมชนิดดูดซึมไม่ได้ โดยทั่วไปแล้ว ไหมละลายจะใช้เวลารัดแกนนานกว่าไหมไม่ละลาย
• เทคนิคการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดมีหลายแบบ เช่น การผ่าตัดแบบใต้คาง การผ่าตัดแบบมุมปาก การผ่าตัดแบบใต้เยื่อบุช่องปาก โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดแบบใต้คางจะใช้เวลารัดแกนนานกว่าการผ่าตัดแบบมุมปาก
• การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดมีผลต่อการรัดแกน เช่น การประคบเย็น การนอนศีรษะสูง การงดสูบบุหรี่ การงดดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง

วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมคาง

• ประคบเย็นบริเวณคางและแก้มเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
• นอนศีรษะสูงประมาณ 45 องศา เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
• งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
• รับประทานยาตามแพทย์สั่ง
• บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหลังทานอาหาร
• แปรงฟันเบาๆ โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม
• หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกบริเวณคาง
• งดออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

หากต้องการให้คางรัดแกนเร็วขึ้น

• เลือกซิลิโคนแบบเหลว
• เลือกไหมเย็บแผลแบบไม่ละลาย
• เลือกเทคนิคการผ่าตัดแบบมุมปาก
• ดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด

หากมีอาการผิดปกติ เช่น คางบวมแดง อักเสบ เจ็บปวด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

เสริมคางที่ไหนดี ควรเลือกจากอะไรบ้าง

การเลือกสถานที่เสริมคางที่ดีนั้นสำคัญมาก โดยควรพิจารณาจากหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัยสูงสุด นี่คือข้อควรพิจารณาหลักๆ

1. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์: ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการศัลยกรรมใบหน้าหรือการเสริมโดยเฉพาะ ตรวจสอบประวัติการศึกษา, ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ, และการรับรองจากสถาบันการศึกษาหรือองค์กรวิชาชีพ
2. รีวิวและผลลัพธ์ก่อนหลัง: หาข้อมูลรีวิวจากผู้ที่เคยรับการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์คนนั้น ซึ่งอาจพบได้จากเว็บไซต์ของคลินิกหรือแพลตฟอร์มรีวิว การดูภาพก่อนและหลังการผ่าตัดจะช่วยให้คุณมีความคาดหวังที่ชัดเจนขึ้น
3. การปรึกษาก่อนการผ่าตัด: สถานที่ที่ดีควรเสนอการปรึกษาก่อนการผ่าตัดเพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมาย ความคาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นี่เป็นโอกาสที่ดีในการถามคำถามและเข้าใจกระบวนการศัลยกรรม
4. มาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาด: คลินิกหรือโรงพยาบาลควรมีมาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาดที่เข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน
5. การติดตามหลังการผ่าตัด: สถานที่ที่ดีควรมีบริการติดตามหลังการผ่าตัดเพื่อตรวจสอบการฟื้นตัวและผลลัพธ์ของการผ่าตัด
6. ราคาและบริการ: ราคาไม่ควรเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจ แต่ควรพิจารณาความคุ้มค่าและความโปร่งใสของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

การเลือกศัลยแพทย์และสถานที่ทำการศัลยกรรมที่ดีควรอาศัยข้อมูล การวิจัย และความสบายใจของคุณเองเป็นหลัก อย่าลังเลที่จะสอบถาม ขอดูงานที่ผ่านมา และหาข้อมูลเพิ่มเติมจากหลายๆ ที่ก่อนตัดสินใจ.

เสริมคาง ราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่

ราคาเสริมคางเริ่มต้น ประมาณ 9,999 บาท ค่ะ แต่ราคาอาจ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

1. ประเภทของซิลิโคน:

• ซิลิโคนมาตรฐาน: ราคาเริ่มต้น ประมาณ 9,999 – 25,500 บาท
• ซิลิโคนพิเศษ: ราคาเริ่มต้น ประมาณ 35,500 บาท
• ซิลิโคนเกรดพรีเมียม: ราคาเริ่มต้น ประมาณ 40,000 บาท ขึ้นไป

2. เทคนิคการเสริม:

• เสริมแผลใน: ราคาเริ่มต้น ประมาณ 15,000 บาท
• เสริมแผลนอก: ราคาเริ่มต้น ประมาณ 9,999 บาท

3. ชื่อเสียงและประสบการณ์ของแพทย์: แพทย์ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

4. โปรโมชั่น: คลินิกบางแห่งมีโปรโมชั่นลดราคาเสริม

รีวิวเสริมคางของ ดิอาทคลินิก























เทคนิคการประเมินใบหน้าก่อนเสริมคาง สไตล์ The Art Clinic



ประเมินใบหน้า

คุณหมอจะประเมินใบหน้าร่วมกับคนไข้ โดยหลังจากที่คุยกับคนไข้แล้ว ว่าคนไข้ต้องการใบหน้ารูปทรงไหน หลังจากนั้นคุณหมอจะดีไซน์รูปหน้าขึ้นมาทันทีว่าคนไข้รายนี้ควรจะเสริมแบบไหน กลบจุดด้อยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นมุมเหลี่ยมตรงกราม โหนกแก้มสูง ความกลมของแก้ม รวมไปถึงให้รับกับหน้าผาก จมูก ตา ปากของคนไข้ โดยที่ไม่ทำให้หน้าดูแปลกหรือคางยาวยื่นเกินไปจนดูรู้ทันทีว่าเสริมมา

Inter Locking

คุณหมอจะทำการเหลากระดูกคางให้เรียบและเป็นทรงกระดูกที่รับเข้ากับตัวซิลิโคนซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะตัวของคุณหมออาทเท่านั้น เพื่อเพิ่มการยึดเกาะเยื้อหุ้มกระดูก ลดโอกาสเบี้ยวเอียงด้วย Technique Interlocking ซึ่งมีการจดสิทธิบัตรที่เดียวเฉพาะที่ The Art Clinic เท่านั้น



เลือกใช้ซิลิโคนให้พอดี

คุณหมอจะเลือกใช้ซิลิโคนให้พอดีกับโครงกระดูกเดิมของลูกค้า และเป็นทรงที่คุณหมอดีไซน์ไว้แต่แรก โดยขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะคุณหมอจะถือว่าการเหลาซิลิโคนทุกอันคืองานศิลปะ ที่จะต้องมีความปราณีตมาก เพราะรูปคางจะสวยหรือไม่สวยไม่ได้อยู่ที่ซิลิโคนอย่างเดียว แต่สำคัญอยู่ที่เทคนิคหลายๆเทคนิครวมกัน ตั้งแต่การเหลากระดูก การเหลาซิลิโคนรวมไปถึงการไซน์ความสวยให้กับใบหน้าของแต่ละคน เพราะฉะนั้นนอกจากความชำนาญทางด้านความรู้ความสามารถด้านการแพทย์อย่างเดียวคงไม่พอ แต่จะต้องมีจินตนาการและการออกแบบดีไซน์อีกด้วย เปรียบเสมือนงานศิลปะบนใบหน้าอย่างแท้จริง



เสริมคางจากทางด้านในปาก

ขั้นตอนการเสริมโดยเทคนิคที่คุณหมอทำจะเป็นการเสริมจากทางด้านในปาก ซึ่งก็คือการเปิดแผลด้านในนั่นเอง ข้อดีของการเปิดแผลด้านในคือ จะไม่มีรอยแผลเป็นใต้คางให้เห็นภายนอกร่างกายเลย





สิ่งที่สำคัญที่สุด

เรื่องความสะอาดของการเสริมแบบแผลด้านใน 3 วันแรก คุณหมอจะไม่อนุญาตให้ทานอาหาร ของหมักดอง บุหรี่ สุราโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารเข้าไปด้านในและป้องกันการติดเชื้อ

โครงหน้าใหม่ที่สวยงาม

คนไข้จะได้โครงหน้าใหม่ที่สวยงาม ดูมีมิติ มีความมั่นใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย