ศิลปะแห่งการเติมเต็มความงาม: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

ศิลปะแห่งการเติมเต็มความงาม: ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีการทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในด้านการแพทย์เสริมความงาม ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อช่วยเติมเต็ม ปรับปรุง หรือเสริมสร้างรูปลักษณ์ของผิวหนังและโครงสร้างใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์มีหลากหลายประเภทและวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การลดรอยเหี่ยวย่น การเติมเต็มร่องลึก ไปจนถึงการเพิ่มปริมาณให้กับริมฝีปาก แก้ม หรือแม้กระทั่งการปรับรูปทรงของจมูกและคางโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งนี้ยังเป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนังเพื่อแก้ไขริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า โดยสารที่นิยมใช้ในฟิลเลอร์คือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกายของเรา มีหน้าที่ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวหนังดูอิ่มฟู เต่งตึง

สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์

  • ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร
  • การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์
  • ฟิลเลอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง
  • หลังทำควรบฎิบัติตัวอย่างไร
  • ข้อดีข้อเสียของฟิลเลอร์
  • ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์
  • ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
  • การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
  • ฉีดฟิลเลอร์กี่วันถึงจะเห็นผล
  • ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์
  • ขนาดของโมเลกุลของฟิลเลอร์
  • ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง
  • ฟิลเลอร์ มียี่ห้ออะไรบ้าง
  • วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้
  • ฉีดสลายฟิลเลอร์ คืออะไร
  • ฉีดสลายฟิลเลอร์กี่วันหาย
  • ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร

    การฉีดฟิลเลอร์ (Filler injection) เป็นขั้นตอนการรักษาด้านความงามที่มีจุดประสงค์ในการลดริ้วรอย, เพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนัง, หรือเพิ่มปริมาณให้กับบางส่วนของใบหน้า เช่น ริมฝีปาก, แก้ม, หรือร่องแก้ม ฟิลเลอร์ที่ใช้มักจะเป็นสารที่สามารถซึมเข้าไปในผิวหนังได้ดี และมีความปลอดภัยสูง เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid), คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite), โพลีแอลแคนโทน (Polylactic Acid), หรือไขมันจากตัวผู้รับการรักษาเอง

    การฉีดฟิลเลอร์จะต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ชั่วคราว, ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และพื้นที่ที่ฉีด, โดยปกติจะอยู่ได้ระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี ก่อนที่จะถูกดูดซึมหรือสลายไปโดยร่างกาย

    7 จุด บนใบหน้า

    แก้ปัญหาด้วย FILLER

    FILLER

    การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์

    ข้อดีของ FILLER

    • เติมเต็มในส่วนที่เป็นริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า
    • ทำให้ใบหน้าเต่งตึงมีน้ำมีนวล
    • ริ้วรอยร่องลึกที่เคยเป็นจะดูตื้นและนูนขึ้น
    • เติมใยคอลลาเจนที่หายไปให้กลับมาดูอิ่มเอิบ แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัย

    การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์

    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเพิ่มโอกาสในการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา นี่คือขั้นตอนการเตรียมตัวที่ควรทำ:

    1. ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ: มีการปรึกษากับแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมาย, ความคาดหวัง, และประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและโครงสร้างของใบหน้าเพื่อกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม
    2. หลีกเลี่ยงยาและอาหารบางชนิด: หลีกเลี่ยงยาและอาหารที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกหรือช้ำ เช่น ยาแอสไพริน, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs), และอาหารเสริมที่มีสารต่อต้านการอักเสบ เช่น กระเทียม, วิตามิน E, และโอเมก้า-3 ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
    3. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกและช้ำได้
    4. ดูแลสุขภาพผิว: รักษาความสะอาดและความชุ่มชื้นของผิวหน้า หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์, การขัดผิว, หรือการรักษาผิวที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองก่อนการฉีด
    5. แจ้งประวัติการแพ้และสุขภาพปัจจุบัน: ให้ข้อมูลแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้, ยาที่กำลังใช้, และสภาพสุขภาพปัจจุบันทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองที่อาจเกิดขึ้น
    6. มีความคาดหวังที่เป็นจริง: การมีความคาดหวังที่เป็นจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์เป็นสิ่งสำคัญ ฟิลเลอร์สามารถปรับปรุงลักษณะของผิวหนังได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้าได้อย่างสิ้นเชิง

    การติดตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ทั้งนี้ ควรเลือกใช้บริการจากคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองเพื่อความปลอดภัยสูงสุด.

    ฟิลเลอร์มีกี่ประเภทอะไรบ้าง

    ฟิลเลอร์ (Fillers) มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้รับการรักษา นี่คือประเภทหลักๆ ของฟิลเลอร์:

    1. กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA): ฟิลเลอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีความปลอดภัยสูง และผลลัพธ์สามารถย้อนกลับได้ สามารถใช้เพื่อเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหนัง ลดริ้วรอย และเพิ่มปริมาณให้กับริมฝีปากและแก้ม
    1. คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA): ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นมากกว่า HA ใช้ในการรักษาริ้วรอยที่ลึกกว่าและเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวในบริเวณที่ต้องการ
    1. โพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA): ฟิลเลอร์ชนิดสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เป็นกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์ชนิดนี้จะปรากฏช้าแต่มีความคงทนนาน
    1. โพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate, PMMA): ฟิลเลอร์ชนิดถาวรที่ประกอบด้วยไมโครสเฟียร์ PMMA ซึ่งจะอยู่ในร่างกายและเป็นกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนรอบๆ ไมโครสเฟียร์
    1. ไขมันตัวเอง (Autologous Fat Injections): ใช้ไขมันจากตัวผู้รับการรักษาเองโดยการดูดไขมันจากบริเวณหนึ่งและฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาณให้กับบริเวณใหญ่ เช่น แก้มหรือร่องแก้ม

    แต่ละประเภทของฟิลเลอร์มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะสมกับการใช้งานในบริเวณต่างๆ ของใบหน้าและร่างกาย การเลือกประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากความต้องการของผู้รับการรักษาและคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    Hyaluronic Acid คืออะไร ?

    กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวหนัง, ข้อต่อ, และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับและผูกมัดน้ำไว้ได้มาก ซึ่งทำให้เป็นสารที่มีความสำคัญต่อการรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวหนัง รวมถึงการทำหน้าที่เป็นหล่อลื่นให้กับข้อต่อ

    ในด้านการดูแลสุขภาพและความงาม กรดไฮยาลูโรนิกมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง เช่น ครีมบำรุง มาสก์หน้า และเซรั่ม เพื่อช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังเป็นสารหลักที่ใช้ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มปริมาณให้กับบริเวณต่างๆ บนใบหน้า เช่น ริมฝีปาก แก้ม หรือร่องลึกบนใบหน้า เพื่อให้ได้ลักษณะที่ดูเป็นธรรมชาติและอ่อนเยาว์

    ข้อดีหลักของกรดไฮยาลูโรนิกในการใช้งานด้านความงามคือความสามารถในการดูดซับน้ำและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังได้ดีเยี่ยม ทำให้ผิวหนังดูอิ่มน้ำและลดเลือนรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นสารที่ร่างกายยอมรับได้ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากการใช้งาน

    คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ คืออะไร ?

    คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA) เป็นวัสดุที่ใช้ในฟิลเลอร์ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับการใช้งานในการรักษาด้านความงามและการแก้ไขปัญหาผิวหนัง เป็นสารที่พบในกระดูกและฟันของมนุษย์ ซึ่งทำให้เป็นวัสดุที่ร่างกายยอมรับได้ดีและมีความเสี่ยงต่ำในการก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้หรือการตอบสนองที่ไม่พึงประสงค์

    โพลีแอลแคนโทน คืออะไร ?

    โพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA) เป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์ในการรักษาด้านความงามและเป็นหนึ่งในวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระดูกเทียมและวัสดุทางการแพทย์อื่นๆ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ทำให้ PLLA เป็นที่นิยมใช้ในการเพิ่มปริมาณให้กับผิวหนัง ลดริ้วรอย และช่วยให้ผิวหนังดูเต่งตึงยิ่งขึ้น

    โพลิเมทิลเมทาคริเลต คืออะไร ?

    โพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate, PMMA) เป็นสารสังเคราะห์ที่ใช้ในหลายๆ ด้านของการแพทย์และความงาม รวมถึงการใช้เป็นฟิลเลอร์ในการรักษาด้านความงาม PMMA เป็นสารที่ไม่สามารถย่อยสลายได้โดยร่างกาย จึงให้ผลลัพธ์ที่คงทนหรือถาวรในบางกรณี และมักจะใช้เป็น “ไมโครสเฟียร์” ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างสำหรับการสร้างคอลลาเจนใหม่รอบๆ ไมโครสเฟียร์เหล่านั้น

    ไขมันตัวเอง

    การใช้ไขมันตัวเองเป็นฟิลเลอร์ (Autologous Fat Transfer หรือ Fat Grafting) เป็นวิธีการรักษาทางเลือกที่ใช้ไขมันจากร่างกายของผู้รับการรักษาเองมาเป็นวัสดุในการเติมเต็มหรือปรับรูปทรงในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบนใบหน้า การใช้ไขมันตัวเองเป็นฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเพราะเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีความเข้ากันได้สูงกับร่างกาย ลดความเสี่ยงของการแพ้และปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอม

    รีวิว FILLER ปาก ดิอาทคลินิก

    หลังทำควรบฎิบัติตัวอย่างไร

    • ในช่วง 2 วันแรกงดออกกำลังกายหรือไปตากแดดร้อนๆเพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นบริเวณที่ฉีด
    • หลังฉีดทันที ไม่ควรจับลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณทีฉีดเพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
    • ในช่วง 4 วันแรก ควรดื่มน้ำในปริมาณมาก เพราะ Filler เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ Filler ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุลที่ฉีดทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
    • ภายใน 2 สัปดาห์แรกควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น งดอบไอน้ำ อบซาวน่า ทำเลเชอร์ หรือทรีทเมนท์ประเภท RF
    • เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 2 วัน
    • กรณีที่ฉีด Filler ปาก ให้เลี่ยงการสูบบุหรี่ การดูดจากหลอดดูด การจูบ 2 วันหลังการฉีด

    ข้อดีข้อเสียของฟิลเลอร์แต่ละประเภท

    ฟิลเลอร์มีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งเหมาะสมกับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล นี่คือภาพรวมของประเภทฟิลเลอร์หลักและข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภท:

    1. กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA)

    ข้อดี:

    • ปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย เนื่องจาก HA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิวหนัง
    • ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
    • สามารถย้อนกลับได้หากมีผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
    • มีผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด

    ข้อเสีย:

    • ความคงทนไม่สูง เฉลี่ยระหว่าง 6-18 เดือน ต้องฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
    • อาจมีอาการบวมหรือช้ำชั่วคราวหลังการฉีด

    2. คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA)

    ข้อดี

    • ความคงทนสูง: ผลลัพธ์จากการใช้ฟิลเลอร์ที่มีคาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 12-18 เดือน หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและการดูแลรักษา
    • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน: ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ ซึ่งช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง

    ข้อเสีย

    • ความเสี่ยงของการเกิดก้อน: อาจมีความเสี่ยงของการเกิดก้อนหรือการสะสมที่ไม่เท่ากันใต้ผิวหนังหากไม่ฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ
    • ความไม่สามารถย้อนกลับ: หากมีผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ การแก้ไขอาจเป็นไปได้ยากกว่าฟิลเลอร์ HA ที่สามารถย้อนกลับได้ด้วยการใช้เอนไซม์ hyaluronidase

    3. โพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA)

    ข้อดี:

    • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและคงทนนาน
    • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า
    • เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการสนับสนุนผิวหนังในระยะยาว

    ข้อเสีย:

    • ผลลัพธ์ไม่ทันที ต้องรอการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของร่างกาย
    • อาจต้องการการฉีดหลายครั้งเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

    4. โพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate, PMMA)

    ข้อดี:

    • ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรหรือคงทนนานมาก
    • เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและสร้างโครงสร้างให้กับผิวหนัง

    ข้อเสีย:

    • ความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะในการเกิดก้อนและการอักเสบ
    • ไม่สามารถย้อนกลับได้ เมื่อฉีดแล้วจะถาวร

    การเลือกฟิลเลอร์ควรพิจารณาจากคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะประเมินจากสภาพผิวหนัง ความต้องการของผู้รับการรักษา และคุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละชนิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล.

    ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่ละประเภท

    ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์แต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ บริเวณที่ฉีด และคุณสมบัติของฟิลเลอร์นั้นๆ ต่อไปนี้คือผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากฟิลเลอร์หลักๆ ที่มีในตลาด

    1. กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA)

    • ผลลัพธ์: ผิวหนังดูเต่งตึงและมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ริ้วรอยลดเลือน ริมฝีปากและแก้มดูอิ่มเอิบมากขึ้น ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสามารถรับเห็นได้ทันทีหลังการฉีด
    • ความคงทน: ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและการดูแลรักษา

    2. คาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA)

    • ผลลัพธ์: ผิวหนังดูเต่งตึงและมีความหนาแน่นมากขึ้น ช่วยในการเติมเต็มร่องลึกและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนธรรมชาติของร่างกาย
    • ความคงทน: ประมาณ 12-18 เดือน

    3. โพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA)

    • ผลลัพธ์: ไม่ให้ผลลัพธ์ทันที เนื่องจากจุดเด่นคือกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ผลลัพธ์จะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทำให้ผิวหนังดูเต่งตึงและริ้วรอยลดเลือนในระยะยาว
    • ความคงทน: สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า ต้องการการฉีดซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    4. โพลิเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate, PMMA)

    • ผลลัพธ์: ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรหรือคงทนนานมาก ใช้ในการเติมเต็มร่องลึกและสร้างโครงสร้างให้กับผิวหนัง
    • ความคงทน: ถาวร แต่อาจต้องการการฉีดเพิ่มเติมในช่วงแรกเพื่อปรับผลลัพธ์ให้ตรงตามความต้องการ

    การเลือกฟิลเลอร์ควรพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ต้องการ ความคงทนของผลลัพธ์ และความพร้อมในการดูแลรักษาหลังการฉีด การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เพียงพอเพื่อตัดสินใจเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด.

    ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? สวย ปลอดภัย ไร้กังวล ต้องเลือก The Art Clinic เท่านั้น!

    การเลือกสถานที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในการตัดสินใจสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการปรับปรุงหรือเสริมสร้างความงามให้กับตนเอง ด้วยตัวเลือกมากมายในตลาด การพิจารณาคลินิกที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับเป็นสิ่งสำคัญ หนึ่งในคลินิกที่โดดเด่นและได้รับการแนะนำอย่างมากคือ The Art Clinic ซึ่งมีเหตุผลหลายประการที่ทำให้มันเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์

    5 เหตุผลเด็ดที่ The Art Clinic คือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับการฉีดฟิลเลอร์:

    1.  แพทย์มากด้วยประสบการณ์: ทีมแพทย์ของ The Art Clinic มากด้วยประสบการณ์ ผ่านการอบรมหลักสูตรเฉพาะทางด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง มั่นใจได้ว่าทุกการรักษาปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ประณีต และตรงตามความต้องการ
    2. เทคโนโลยีล้ำสมัย: The Art Clinic ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง แม่นยำ ปลอดภัย และรวดเร็ว
    3. ฟิลเลอร์แท้ 100%: The Art Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ได้รับการรับรองจาก อย. มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ไร้สารตกค้าง
    4. บริการระดับพรีเมียม: The Art Clinic ให้ความสำคัญกับบริการลูกค้าอย่างสูงสุด ด้วยทีมพนักงานที่สุภาพ อัธยาศัยดี พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด
    5. รีวิวจากลูกค้าจริง: The Art Clinic ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมาก มีรีวิวผลลัพธ์หลังการรักษาที่น่าประทับใจมากมาย

    การเลือก The Art Clinic สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ไม่เพียงแต่เน้นที่คุณภาพของการรักษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์การบริการที่เป็นส่วนตัวและเอาใจใส่ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงหรือเสริมสร้างความงามด้วยวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

    รีวิวฟิลเลอร์ FILLER ดิอาทคลินิก

    https://www.youtube.com/watch?v=1aq9fSukatE

    ข้อควรระวัง หลังฉีดฟิลเลอร์

    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ มีข้อควรระวังบางประการที่ควรปฏิบัติเพื่อช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนี้:

    • หลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือนวดบริเวณที่ฉีด: หลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือนวดบริเวณที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ในชั่วโมงแรกๆ หลังการรักษา เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์จากตำแหน่งที่ต้องการ.
    • ระวังไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนมาก: หลีกเลี่ยงการใช้ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือการอาบน้ำร้อนในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เนื่องจากความร้อนสามารถเพิ่มอาการบวมและช้ำได้.
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือการยกของหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมและช้ำ.
    • ประคบเย็น: ใช้ประคบเย็นบริเวณที่ได้รับการฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งโดยตรงกับผิวหนัง.
    • ป้องกันการเกิดช้ำ: หากมีความเสี่ยงต่อการเกิดช้ำ อาจใช้ครีมหรือยาที่มีส่วนช่วยลดการเกิดช้ำตามคำแนะนำของแพทย์.
    • รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดบริเวณที่ฉีดโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรีย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ.
    • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบนผิวหน้าในช่วงแรก: ควรรอจนกว่าบริเวณที่ฉีดจะหายบวมและช้ำก่อนที่จะใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว.
    • ติดตามผลลัพธ์: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ความเจ็บปวดมากกว่าปกติ, ผิวหนังเปลี่ยนสี, หรือบวมอย่างมาก ควรติดต่อแพทย์ทันที.

    การปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวจากการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง.

    การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

    การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้นและทำให้ผลลัพธ์จากการรักษาดียิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือแนวทางการดูแลตัวเองหลังจากการฉีดฟิลเลอร์:

    • ประคบเย็น: ใช้ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและช้ำ ควรประคบเย็นอย่างอ่อนโยนเป็นระยะเวลาสั้นๆ หลายครั้งต่อวันในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
    • หลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือนวดบริเวณที่ฉีด: หลีกเลี่ยงการแตะต้องหรือนวดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ต้องการ
    • รักษาความสะอาด: ควรรักษาความสะอาดบริเวณที่ได้รับการฉีดโดยเฉพาะในชั่วโมงแรกๆ หลังการฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • หลีกเลี่ยงความร้อนสูง: หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน การใช้ซาวน่า หรือการไปในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนหรือเพิ่มความดันโลหิตในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
    • นอนหัวสูง: พยายามนอนหัวสูงในช่วงคืนแรกหลังจากการฉีด เพื่อช่วยลดอาการบวม
    • หลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบนบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคือง
    • ติดตามผลลัพธ์และอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ความเจ็บปวดมากกว่าปกติ, ผิวหนังเปลี่ยนสี, หรือบวมอย่างมาก ควรติดต่อแพทย์ทันที

    การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวจากการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างรวดเร็วและช่วยให้ผลลัพธ์จากการรักษามีความคงทนและดียิ่งขึ้น.

    ฉีดฟิลเลอร์กี่วันถึงจะเห็นผล

    ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีดสำหรับฟิลเลอร์ที่มีสารหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) ผู้รับการรักษาสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของริ้วรอยที่ลดเลือนและบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเติมเต็มขึ้นทันทีหลังจากการรักษา อย่างไรก็ตาม, อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อยที่บริเวณที่ฉีดซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายไม่ชัดเจนทันที

    ระยะเวลาในการเห็นผลสมบูรณ์:

    • ทันทีหลังการฉีด: สำหรับฟิลเลอร์ HA, ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันที แต่อาจมีบวมหรือช้ำ
    • หลังฉีด 1-2 สัปดาห์: อาการบวมหรือช้ำจะลดลง และผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนขึ้น ในช่วงนี้ผู้รับการรักษาสามารถเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของการฉีดฟิลเลอร์
    • หลังจากนั้น: ผิวหนังจะปรับตัวและผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ฟิลเลอร์บางชนิดเช่นโพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA) อาจต้องการเวลานานกว่าในการเห็นผลสมบูรณ์ เนื่องจากมีการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือน

    คำแนะนำหลังการฉีด:

    เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดอาการบวมหรือช้ำ ควร:

    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือการไปในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
    • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีดในช่วงสัปดาห์แรก
    • ใช้ประคบเย็นหากจำเป็น เพื่อลดอาการบวม

    การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และเพื่อให้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์มีความคงทนและเป็นธรรมชาติที่สุด

    ฉีดฟิลเลอร์ใช้กี่ CC

    ถ้าให้พูดถึงปริมานฟิลเลอร์ ที่ใช้นั้น โดยทั่วไปแล้วจะขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะเป็นผู้ประเมินโครงสร้างใบหน้า และคำนวณความเหมาะสมของปริมานที่ใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ เนื่องจากโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคลนั้น แตกต่างกัน ร่วมถึงความต้องการในปรับเปลี่ยนรูปหน้าที่ต่างกัน จึงไม่สามารถกำหนดปริมานที่ชัดเจนได้

    โดยสรุปการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปรับเปลี่ยนใบหน้านั้น สามารถเริ่มต้นฉีดได้ตั้งแต่ 1 – 2 cc จนถึง 20 cc เลยทีเดียว โดยจะแบ่งออกเป็นแต่ละ ตำแหน่งดังนี้ค่ะ

    ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ 

    การฉีดฟิลเลอร์เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ต้องการความชำนาญและความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง นี่คือขั้นตอนพื้นฐานในการฉีดฟิลเลอร์:

    1. การประเมินและวางแผนการรักษา

    • ประเมินสภาพผิวและโครงสร้างของใบหน้า: แพทย์จะทำการประเมินเพื่อกำหนดบริเวณที่ต้องการการฉีดฟิลเลอร์และประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
    • วางแผนการรักษา: หารือเกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวังของการรักษา

    2. เตรียมพื้นที่การรักษา

    • ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด: ใช้สารละลายแอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
    • ใช้ยาชา: ในบางกรณีอาจใช้ครีมชาหรือการฉีดยาชาที่บริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด

    3. การฉีดฟิลเลอร์

    • การฉีด: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กหรือแคนนูล่าเพื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ อาจทำการฉีดหลายจุดเพื่อกระจายฟิลเลอร์อย่างเท่าเทียมและได้รูปทรงที่ต้องการ

    4. การปรับรูปทรง

    • ปรับรูปทรงหลังการฉีด: หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว แพทย์อาจทำการนวดเบาๆ เพื่อกระจายฟิลเลอร์ให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

    5. การดูแลหลังการรักษา

    • ข้อแนะนำหลังการรักษา: แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการฉีด เช่น การหลีกเลี่ยงการแตะต้องบริเวณที่ฉีด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก และการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหรือช้ำ

    6. การติดตามผลลัพธ์

    • นัดติดตามผล: อาจมีการนัดติดตามผลหลังการฉีดเพื่อประเมินผลลัพธ์และตัดสินใจว่าต้องการการปรับปรุงหรือการรักษาเพิ่มเติมหรือไม่

    การฉีดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.

    ขนาดของโมเลกุลของฟิลเลอร์

    ขนาดของโมเลกุลของฟิลเลอร์, โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิลเลอร์ที่มีสารหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA), มีความสำคัญต่อคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ ขนาดโมเลกุลของ HA สามารถมีผลต่อความเข้มข้น, ความหนืด, และระยะเวลาที่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลต่อการเลือกใช้ฟิลเลอร์สำหรับบริเวณและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันบนใบหน้าหรือร่างกาย

    ขนาดโมเลกุลและผลกระทบ:

    • ขนาดโมเลกุลขนาดใหญ่:
      • คุณสมบัติ: มีความเข้มข้นและความหนืดสูง ช่วยให้ฟิลเลอร์มีความคงทนและสามารถรักษาปริมาณที่เติมเข้าไปได้นานขึ้น
      • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการปริมาณมาก เช่น แก้ม หรือการเติมเต็มร่องลึก
    • ขนาดโมเลกุลขนาดเล็ก:
      • คุณสมบัติ: มีความเข้มข้นและความหนืดต่ำกว่า ทำให้กระจายตัวได้ดีกว่าในผิวหนัง
      • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยผิวหนังบาง ๆ หรือให้ความชุ่มชื้นกับผิว

    ผลกระทบต่อระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์:

    • ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่มักจะมีระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์นานกว่า เนื่องจากสามารถรักษาปริมาณและโครงสร้างในผิวหนังได้ดีกว่า
    • ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กอาจถูกดูดซึมโดยร่างกายได้เร็วกว่า แต่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและกระจายตัวได้ดีสำหรับการรักษาริ้วรอยผิวหนังบาง ๆ

    การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการการรักษา วัตถุประสงค์ของการฉีด และการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละประเภทของฟิลเลอร์และเลือกประเภทที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

    ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไรบ้าง

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์

    1. อาหารรสจัด: อาหารรสจัด เช่น เผ็ด เค็ม หวาน จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้เกิดอาการบวม

    2. อาหารหมักดอง: อาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ปลาร้า อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดการอักเสบ

    3. อาหารทะเล: อาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งผลให้เกิดอาการบวมแดง คัน

    4. อาหารเนื้อสัตว์ดิบ: อาหารเนื้อสัตว์ดิบ เช่น ก้อย ลาบ ยำ อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดการติดเชื้อ

    5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เกิดอาการบวมแดงได้ง่าย

    6. อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน: อาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น ขิง กระเทียม พริกไทย อาจทำให้เกิดอาการอักเสบ

    7. อาหารที่มีโซเดียมสูง: อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแปรรูป จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้เกิดอาการบวม

    8. อาหารที่มีน้ำตาลสูง: อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน เค้ก ไอศกรีม จะทำให้ร่างกายอักเสบ และอาจทำให้แผลหายช้า

    ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์

    อาหารที่แนะนำให้ทาน:

    • ผักใบเขียว
    • ผลไม้
    • ธัญพืช
    • โปรตีน
    • น้ำเปล่า

    การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี

    ฟิลเลอร์ มียี่ห้ออะไรบ้าง

    ฟิลเลอร์ในตลาดมีหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับการรักษาได้หลากหลาย นี่คือยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง:

    1. Juvederm: ผลิตโดย Allergan, มีสารหลักคือกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) ใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย, เพิ่มปริมาณให้กับริมฝีปากและแก้ม มีผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
    2. Restylane: ผลิตโดย Galderma, ยังใช้กรดไฮยาลูโรนิกเช่นกัน และมีผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ของใบหน้า
    3. Teosyal: ผลิตโดย Teoxane Laboratories, เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ของฟิลเลอร์ HA ที่มีการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง ตั้งแต่การเติมเต็มริ้วรอยที่ผิวหนังบางจนถึงการเพิ่มปริมาณให้กับบริเวณที่ต้องการความหนาแน่นสูง
    4. Radiesse: ผลิตโดย Merz Aesthetics, มีสารหลักคือคาลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite, CaHA) ใช้เพื่อการเพิ่มความหนาแน่นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
    5. Sculptra: ผลิตโดย Galderma, มีสารหลักคือโพลีแอลแคนโทน (Poly-L-lactic Acid, PLLA) เหมาะสำหรับการรักษาริ้วรอยและเพิ่มปริมาณให้กับผิวหนังในระยะยาวโดยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย
    6. Belotero: ผลิตโดย Merz Aesthetics, เป็นฟิลเลอร์ HA ที่มีคุณสมบัติในการเกลี่ยกระจายได้อย่างละเอียด ช่วยลดริ้วรอยและเติมเต็มผิวหนังได้อย่างเนียนสวย

    การเลือกใช้ฟิลเลอร์ควรอยู่บนคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะพิจารณาจากลักษณะของผิวหนัง ความต้องการของผู้รับการรักษา และคุณสมบัติของฟิลเลอร์แต่ละชนิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล.

    วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้

    การตรวจสอบฟิลเลอร์แท้เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ การใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐานอาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ นี่คือวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้:

    • ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้: ได้รับฟิลเลอร์จากคลินิกหรือสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรอง เพื่อรับประกันว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้และได้มาตรฐาน
    • ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์: ผลิตภัณฑ์แท้ควรมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและมีข้อมูลครบถ้วน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์, วันหมดอายุ, หมายเลขล็อต, และข้อมูลการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์
    • หาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริษัทผู้ผลิต เช่น วิธีการตรวจสอบความแท้ของผลิตภัณฑ์ บางบริษัทอาจมีระบบการตรวจสอบออนไลน์หรือฮอลโลแกรมเพื่อรับรองความแท้
    • ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา: ตรวจสอบว่าฟิลเลอร์มีการอนุมัติจาก FDA หรือองค์การอาหารและยาในประเทศของคุณ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติจะมีความปลอดภัยและมีคุณภาพตามมาตรฐาน
    • สอบถามแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ: ถามข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์จากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการรักษาให้คุณ แพทย์ที่เชื่อถือได้ควรสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ใช้และที่มาของมันได้
    • สังเกตการณ์การเปิดผลิตภัณฑ์: ในขณะที่รับการรักษา ควรสังเกตการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ถูกเปิดและเตรียมใช้งานอย่างไร ผลิตภัณฑ์แท้ควรมาในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทและถูกเปิดใช้งานต่อหน้าคุณ

    การตรวจสอบความแท้ของฟิลเลอร์ไม่เพียงช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของการรักษาเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน.

    ฉีดสลายฟิลเลอร์ คืออะไร ?

    การฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นการรักษาที่ใช้เพื่อลดหรือแก้ไขผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะฟิลเลอร์ที่มีสารหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA) สารที่ใช้ในการสลายฟิลเลอร์คือไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลาย HA

    การใช้งาน

    • แก้ไขฟิลเลอร์ที่ฉีดเกินหรือไม่เท่ากัน: หากฟิลเลอร์ที่ฉีดไปมีปริมาณมากเกินไปหรือกระจายไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล
    • ลดผลข้างเคียง: เช่น การเกิดก้อน ความไม่สม่ำเสมอของผิวหนัง หรือในกรณีที่ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด
    • ปรับแก้ผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์: ในกรณีที่ผู้รับการรักษาไม่พอใจกับรูปลักษณ์หลังการฉีดฟิลเลอร์

    ขั้นตอนการทำ

    • การประเมิน: แพทย์จะประเมินสภาพและผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์เพื่อกำหนดว่าจำเป็นต้องใช้ไฮยาลูโรนิเดสหรือไม่
    • การเตรียมผู้รับการรักษา: ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการรักษาและอาจใช้ยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวด
    • การฉีดไฮยาลูโรนิเดส: ฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์ที่ต้องการสลาย
    • การติดตามผล: ผู้รับการรักษาอาจต้องมาติดตามผลหลังการฉีดเพื่อประเมินว่าต้องการการรักษาเพิ่มเติมหรือไม่

    ผลลัพธ์และความคาดหวัง

    • ผลลัพธ์จากการสลายฟิลเลอร์ สามารถเห็นได้ภายในไม่กี่วันหลังการฉีด โดยฟิลเลอร์จะลดลงหรือหายไปตามปริมาณไฮยาลูโรนิเดสที่ใช้
    • การฟื้นตัว อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อยที่บริเวณที่ได้รับการรักษา

    การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นวิธีการที่ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสม การสื่อสารกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังและผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจใช้การรักษานี้.

    ฉีดสลายฟิลเลอร์กี่วันหาย ?

    การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) มักให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วในการลดหรือสลายฟิลเลอร์ที่มีสารหลักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid, HA). ผู้รับการรักษาสามารถเริ่มเห็นการลดลงของฟิลเลอร์ภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด และผลลัพธ์สามารถปรากฏชัดเจนขึ้นภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์หลังการรักษา ขึ้นอยู่กับปริมาณของฟิลเลอร์ที่ต้องการสลาย และปฏิกิริยาของร่างกายต่อเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส

    ปัจจัยที่อาจมีผลต่อระยะเวลาการหาย

    • ปริมาณฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่มีปริมาณมากอาจต้องการเวลามากกว่าในการสลาย
    • บริเวณที่ฉีด: บางบริเวณอาจสลายตัวได้ง่ายหรือยากกว่าบริเวณอื่น
    • ปริมาณและความเข้มข้นของไฮยาลูโรนิเดส: ปริมาณและความเข้มข้นของเอนไซม์ที่ใช้ในการฉีดสลายฟิลเลอร์

    คำแนะนำหลังการฉีดสลายฟิลเลอร์

    • ติดตามผล: อาจจำเป็นต้องมีการติดตามผลกับแพทย์เพื่อประเมินความต้องการการฉีดเพิ่มเติมหรือการปรับปรุง
    • การดูแลรักษา: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังการฉีด เช่น การประคบเย็นหากจำเป็น

    การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการแก้ไขผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่พึงประสงค์ แต่ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสม.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า