เสริมจมูกซิลิโคนและกระดูกอ่อน
เสริมจมูกด้วยซิลิโคนและกระดูกอ่อน เป็นเทคนิคที่ทางแพทย์เลือกใช้ในกรณีที่คนไข้ มีหนังปลายจมูกน้อย และ บางมาก เพราะหากใช้ซิลิโคนเสริมอย่างเดียวจะเสี่ยงต่อการทะลุได้จึงต้องใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาช่วยเสริมรองตำแหน่งปลายจมูกเอาไว้
การผ่าตัดจะเปิดแผลสองที่คือ รูจมูก และ บริเวณที่ตัดกระดูกอ่อน
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นหนึ่งในวิธีการศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงของจมูกให้เข้ากับโครงหน้าได้ตามต้องการ การเสริมจมูกไม่เพียงแต่ช่วยให้จมูกดูสวยงามขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดด้วย
เสริมจมูกด้วยซิลิโคน คือ
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนรูปทรงของจมูกโดยการใส่ซิลิโคนเข้าไปในชั้นเนื้อเยื่อของจมูก ซิลิโคนที่ใช้มักจะมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่มีความยืดหยุ่นสูงและแบบที่มีความแข็งเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างของจมูกและความต้องการของผู้รับการผ่าตัด ผู้ที่ต้องการเสริมจมูกควรปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวัง รูปแบบของซิลิโคน และขั้นตอนการผ่าตัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในการปรับปรุงรูปทรงของจมูก มันช่วยให้จมูกมีรูปทรงที่สวยงามและเข้ากับโครงหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและทำความเข้าใจในทุกรายละเอียดก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัยสูงสุด.
การเสริมจมูกแบบเพิ่มปลายหยดน้ำ
คุณหมอสามารถแก้ไขได้ 2 วิธีคือ
01.
เหลาซิลิโคนให้ได้ทรงที่มีหยดน้ำ
02.
ในกรณีที่จมูกสั้นหรือตัดคุณหมอจะต้องใช้เทคนิคใส่กระดูกอ่อนหลังหูหรือเนื้อเยื่อเทียมเพื่อช่วยเพิ่มปลาย
ปัญหา ทรงจมูก ในแบบต่าง ๆ
เทคนิคเสริมจมูกสไตล์ ดิอาทคลินิก
ประเมินใบหน้า
คุณหมอประเมินทรงจมูกของคนไข้เคสต่อเคสโดยให้ความสอดคล้องกันระหว่างหน้าผาก กระดูก โหนกแก้ม ฟันและคาง เพื่อปรับโหงวเฮ้งและเสริมบุคคลิกภาพตรงกับความต้องการของคนไข้ให้ได้มากที่สุด
เหลาซิลิโคนใหม่ทุกเคส
คุณหมอจะเหลาซิลิโคนใหม่ทุกเคสเพื่อให้รับกับพื้นฐานโครงกระดูกจมูกของคนไข้แต่ละคนให้มากที่สุดเปรียบเสมือนการต่อจิ๊กซอร์ ให้เป็นรูปจมูกที่สวยงาม
เหลากระดูก
เหลากระดูกเพื่อแก้ไขปัญหาโครงจมูกของแต่ละคน
วางซิลิโคน
วางซิลิโคนในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูกเมื่อซิลิโคนเข้าที่ดีแล้วจะยึดแน่นกันสันจมูก ไม่ทำให้เกิดอาการซิลิโคนลอยหรือเบี้ยวเอียงแต่ยังสามารถบิดปลายจมูกเหมือนจมูกที่โด่งธรรมชาติ
เทคนิค Triple lock
เทคนิค Triple lock เทคนิคเฉพาะที่สามารถล็อค 3 จุดป้องกันการเบี้ยวเอียงการทะลุได้ ปลายจมูกบิดได้ ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษเฉพาะที่ The Art Clinic เท่านั้น
ซิลิโคนเสริมจมูกคืออะไร ปลอดภัยไหม
ซิลิโคนเสริมจมูกคือวัสดุที่ใช้ในการศัลยกรรมเสริมจมูก เพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงของจมูกให้เข้ากับสัดส่วนของใบหน้า โดยทั่วไป ซิลิโคนที่ใช้จะเป็นชนิดที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยสำหรับการฝังในร่างกายมนุษย์ มีหลายรูปแบบและขนาด เพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างและความต้องการของแต่ละบุคคล
ความปลอดภัยของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่:
- ความชำนาญของแพทย์: การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและแทรกซ้อน
- คุณภาพของวัสดุ: ซิลิโคนที่ใช้ควรเป็นชนิดที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการแพทย์ เช่น FDA (Food and Drug Administration) ในสหรัฐอเมริกา
- การดูแลหลังการผ่าตัด: การติดตามผลและการดูแลตนเองหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและแทรกซ้อนอื่นๆ
- การประเมินความเสี่ยง: ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างหรือเงื่อนไขทางการแพทย์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้ารับการเสริมจมูก
แม้ว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะถือว่าปลอดภัยโดยทั่วไป แต่ก็ยังมีความเสี่ยงบางอย่างที่ควรพิจารณา เช่น ความเสี่ยงของการติดเชื้อ การเคลื่อนที่หรือการบิดเบี้ยวของซิลิโคน และปฏิกิริยาการอักเสบ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจในขั้นตอน ความคาดหวังที่เ realistic, และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด.
ประเภทของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูก แต่ละ ประเภทเหมาะกับใครบ้าง
ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกมีหลายประเภท แต่ละชนิดมีลักษณะและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานและผลลัพธ์ที่ต้องการ ประเภทหลักของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูก ได้แก่:
- ซิลิโคนแบบแข็ง (Solid Silicone): เป็นประเภทที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และรักษารูปทรงได้ดี ช่วยให้จมูกมีโครงสร้างที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ซิลิโคนชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูนุ่มนวลหรือมีความยืดหยุ่นสูง
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการรูปทรงจมูกที่ชัดเจนและมีโครงสร้างที่แข็งแรง เช่น การเสริมสันจมูกให้สูงขึ้น
- ไม่เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นหรือผู้ที่มีผิวหนังบางเนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อการทำให้เห็นเค้าโครงของซิลิโคนผ่านผิวหนัง
- ซิลิโคนแบบเจล (Silicone Gel): มีความยืดหยุ่นและนุ่มนวลกว่าซิลิโคนแบบแข็ง ซิลิโคนชนิดเจลมักให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อสัมผัส แต่อาจไม่รักษารูปทรงได้ดีเท่าซิลิโคนแบบแข็ง
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เนียนและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากซิลิโคนแบบเจลมีความนุ่มและยืดหยุ่นได้ดี
- ไม่เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการโครงสร้างจมูกที่มีความแข็งแรงและทนทานสูง เนื่องจากซิลิโคนแบบเจลอาจไม่ให้ความแข็งแรงเท่าซิลิโคนแบบแข็ง
- ซิลิโคนแบบฉีด (Injectable Silicone): ไม่ค่อยได้รับความนิยมสำหรับการเสริมจมูกเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่องการเคลื่อนที่หลังการฉีด และอาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น การอักเสบหรือการปฏิกิริยาต่อต้านของร่างกาย
- เหมาะสำหรับ: ไม่แนะนำให้ใช้ในการเสริมจมูกเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง เช่น การเคลื่อนที่ของวัสดุหลังการฉีด และอาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาว
- ไม่เหมาะสำหรับ: ใช้ในการเสริมจมูกโดยทั่วไป เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
- ซิลิโคนแบบปรับแต่งได้ (Customizable Silicone): ซิลิโคนชนิดนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับโครงสร้างและความต้องการของผู้รับการผ่าตัดเป็นรายบุคคล ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับโครงหน้ามากที่สุด
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล โดยอาจมีความต้องการเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับรูปทรงและขนาดของจมูก
- ไม่เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องการผ่านกระบวนการออกแบบและการผลิตที่ใช้เวลานาน
การเลือกประเภทของซิลิโคนควรพิจารณาจากคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะประเมินจากโครงสร้างของจมูก ผลลัพธ์ที่ต้องการ และปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงของการแพ้วัสดุหรือการติดเชื้อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสูงสุด.
ข้อดีและข้อเสียของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นหนึ่งในวิธีการศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถปรับปรุงรูปทรงของจมูกให้เข้ากับโครงหน้าได้ แต่เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ทุกประเภท การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย:
ข้อดี
- ปรับปรุงรูปทรงจมูก: สามารถเปลี่ยนรูปทรงจมูกให้เข้ากับสัดส่วนของใบหน้า ทำให้จมูกดูสูงขึ้น มีสันจมูกชัดเจน และปลายจมูกเรียวงามตามต้องการ
- เพิ่มความมั่นใจ: สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่มีความไม่พอใจในรูปทรงจมูกเดิมของตน
- ผลลัพธ์ที่คงทน: ซิลิโคนเป็นวัสดุที่มีความทนทาน ผลลัพธ์หลังการเสริมจมูกสามารถคงอยู่ได้นานหลายปีหรือถาวร หากไม่มีปัญหาหรือความไม่สมบูรณ์ใดๆ
- การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนมีระยะเวลาฟื้นตัวที่ค่อนข้างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดศัลยกรรมอื่นๆ
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงของการแทรกซ้อน: อาจมีความเสี่ยงเช่น การติดเชื้อ การเกิดแผลเป็น การเคลื่อนที่ของซิลิโคน หรือการบิดเบี้ยวของซิลิโคน
- ปฏิกิริยาต่อวัสดุ: ในบางกรณีอาจเกิดปฏิกิริยาต่อซิลิโคน เช่น การอักเสบ หรือการสร้างแคปซูลรอบวัสดุซิลิโคน ซึ่งอาจทำให้จมูกดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์ที่อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง: ในบางครั้งผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่ผู้รับการผ่าตัดคาดหวัง อาจต้องการการผ่าตัดแก้ไขในภายหลัง
- ความรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ: ซิลิโคนอาจทำให้รู้สึกว่าจมูกมีความแข็งหรือไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อสัมผัส
การตัดสินใจเสริมจมูกด้วยซิลิโคนควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียเหล่านี้อย่างรอบคอบ และควรปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหารือเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความพึงพอใจสูงสุดจากการผ่าตัด.
เตรียมตัวก่อนเสริมจมูก ด้วยซิลิโคน
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงหรือแทรกซ้อน นี่คือคำแนะนำทั่วไปสำหรับการเตรียมตัว:
ช่วงก่อนการผ่าตัด
- ปรึกษาศัลยแพทย์: มีการประเมินโดยละเอียดกับศัลยแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมาย ความคาดหวัง และวิธีการที่เหมาะสม พร้อมทั้งอภิปรายเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา ประวัติการผ่าตัด และสุขภาพโดยทั่วไป
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: อาจต้องหยุดการใช้ยาและอาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเลือดออกหรือปัญหาในการหายของแผล เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และวิตามิน E
- งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถชะลอการรักษาของแผลและเพิ่มความเสี่ยงของแทรกซ้อน ควรหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด
- เตรียมความพร้อมทางร่างกาย: พยายามรักษาสุขภาพที่ดี รับประทานอาหารที่สมดุล และดื่มน้ำให้เพียงพอ
- เตรียมความพร้อมทางจิตใจ: ตระหนักและยอมรับในความเสี่ยงและข้อจำกัดของการผ่าตัด เพื่อมีความคาดหวังที่เป็นจริง
หลังผ่าตัด
- อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ: โดยทั่วไปคุณจะต้องงดรับประทานอาหารและน้ำในช่วง 6-12 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการทำวิธีการสลบ
- เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สะดวก: ใส่เสื้อผ้าที่หลวมและสะดวกในการถอดและใส่ เช่น เสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า
- มีผู้ติดตาม: จัดให้มีเพื่อนหรือครอบครัวมาด้วยเพื่อขับรถกลับบ้านหลังการผ่าตัด และช่วยดูแลคุณหลังการผ่าตัดในช่วงแรก
การเตรียมตัวอย่างเหมาะสมสามารถช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูเป็นไปอย่างราบรื่นและช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการเสริมจมูกของคุณ。
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังการผ่าตัด
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นหนึ่งในวิธีการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยม แต่เช่นเดียวกับการผ่าตัดทุกประเภท มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึง:
- การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บริเวณที่ผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบวม แดง และเจ็บปวด ในกรณีรุนแรงอาจต้องการการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือการผ่าตัดเพิ่มเติม
- การเลือดออก: อาจมีเลือดออกในช่วงหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจนำไปสู่การก่อตัวของฮีมาโตมา (การสะสมของเลือดที่ผ่านการจับตัว) และอาจต้องการการรักษาเพิ่มเติม
- ความรู้สึกเปลี่ยนแปลง: อาจมีการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกบริเวณจมูก รวมถึงความรู้สึกชาหรือปวดเสียวซึ่งโดยปกติแล้วจะค่อยๆ หายไปในช่วงฟื้นตัว
- ปฏิกิริยาต่อซิลิโคน: แม้จะไม่บ่อยครั้ง แต่บางคนอาจพบกับปฏิกิริยาต่อวัสดุซิลิโคน ทำให้เกิดการอักเสบหรือการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็นรอบๆ ซิลิโคน
- การเคลื่อนที่ของซิลิโคน: ซิลิโคนอาจเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิมหรือบิดเบี้ยวได้ ซึ่งอาจทำให้จมูกดูไม่เป็นธรรมชาติและอาจต้องการการผ่าตัดแก้ไข
- ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์: บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่ตรงตามความคาดหวัง จมูกอาจไม่เข้ากับโครงหน้าหรือไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร ซึ่งอาจต้องการการผ่าตัดแก้ไขเพิ่มเติม
- แผลเป็น: แม้ว่าแผลผ่าตัดมักจะอยู่ในตำแหน่งที่ซ่อนอยู่ แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็นที่มองเห็นได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อความพึงพอใจในผลลัพธ์ทางเสริมความงาม
การเข้าใจผลข้างเคียงและความเสี่ยงเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจก่อนทำการเสริมจมูก การมีการพูดคุยกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับความกังวล ความคาดหวัง และความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดและผลลัพธ์ที่ตามมา.
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
การดูแลตัวเองหลังจากการผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงหรือแทรกซ้อน นี่คือคำแนะนำทั่วไปสำหรับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด:
ระยะเวลาฟื้นตัว
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ: ให้เวลาร่างกายในการฟื้นตัวโดยการพักผ่อนมากๆ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เข้มข้นหรืออาจทำให้จมูกได้รับความกระทบกระเทือนในช่วงสองถึงสามสัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
- รักษาความสะอาด: ทำความสะอาดบริเวณจมูกตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและส่งเสริมการรักษาแผล
- ใช้ประคบเย็น: การใช้ประคบเย็นบริเวณรอบๆ จมูกอาจช่วยลดการบวมและช้ำ ติดตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการใช้ประคบเย็น
- เลี่ยงการแสดงออกทางใบหน้าที่รุนแรง: หลีกเลี่ยงการยิ้มหรือทำหน้าตาที่ทำให้จมูกเคลื่อนไหวมากเกินไปในช่วงแรกๆ หลังการผ่าตัด
- นอนหงายและหัวสูง: นอนหงายและใช้หมอนหลายใบเพื่อรักษาศีรษะให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดการบวมและช่วยให้การรักษาเป็นไปได้ดีที่สุด
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงแรงกด: หลีกเลี่ยงการสวมแว่นตาหรือใดๆ ที่จะกดทับจมูกในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
- ระมัดระวังในการทำความสะอาด: ทำความสะอาดจมูกอย่างอ่อนโยนตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงการจับหรือบีบจมูก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือยกของหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
- ติดตามอาการ: สังเกตอาการและติดตามกับแพทย์หากพบอาการผิดปกติ เช่น การบวมที่ไม่ลดลง ความเจ็บปวดที่ไม่หายไป หรืออาการบ่งชี้การติดเชื้อ
- เข้ารับการตรวจตามนัด: เข้ารับการตรวจตามนัดกับแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการฟื้นตัวเป็นไปด้วยดีและไม่มีแทรกซ้อน
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้อย่างราบรื่นและช่วยให้ผลลัพธ์ของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนเป็นไปในทิศทางที่ดีที่สุด.
ปัญหาซิลิโคน เคลื่อนที่ ลอย หลังเสริมเกิดจากอะไร
ปัญหาซิลิโคนลอยหรือการเคลื่อนที่ของซิลิโคนหลังจากการเสริมจมูกเป็นหนึ่งในแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด ซึ่งสามารถเกิดจากหลายปัจจัย:
- การวางซิลิโคนไม่ถูกต้อง: หากซิลิโคนไม่ได้วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตั้งแต่แรก มันอาจเลื่อนหรือลอยจากตำแหน่งเดิม ซึ่งอาจเกิดจากการวางซิลิโคนที่ไม่แน่นหนาหรือการเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสม
- การบวมและการอักเสบ: หลังการผ่าตัด การบวมและการอักเสบอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่วางไว้ โดยเฉพาะถ้าการบวมไม่ลดลงอย่างเหมาะสมหรือมีการสะสมของของเหลวรอบๆ ซิลิโคน
- กิจกรรมหลังการผ่าตัด: การมีกิจกรรมที่รุนแรงหรือการใช้งานที่มีผลต่อจมูกอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ การสัมผัสหรือการกระทบกระเทือนจมูกอาจทำให้ซิลิโคนลอย
- การรักษาแผลไม่เหมาะสม: หากผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เช่น การไม่นอนหงายหรือการไม่ใช้ประคบเย็นอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่
- ความไม่เสถียรของเนื้อเยื่อ: ในบางกรณี เนื้อเยื่อรอบๆ ซิลิโคนอาจไม่มีความเสถียรพอที่จะรักษาซิลิโคนให้อยู่ในตำแหน่ง เนื้อเยื่ออาจไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับซิลิโคนหรืออาจเกิดการสร้างแคปซูลรอบซิลิโคนที่ทำให้มันเคลื่อนที่ได้
การแก้ไขปัญหานี้มักจำเป็นต้องมีการผ่าตัดแก้ไข โดยศัลยแพทย์อาจต้องปรับตำแหน่งของซิลิโคน ใช้วัสดุเพื่อช่วยให้ซิลิโคนอยู่นิ่ง หรือในบางกรณีอาจต้องเปลี่ยนซิลิโคนเป็นขนาดหรือรูปร่างที่เหมาะสมกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต การปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้ฟื้นตัวเป็นปกติและลดความเสี่ยงของแทรกซ้อน.
รีวิวเสริมจมูกของ ดิอาทคลินิก
ภาพรีวิวเสริมจมูกด้วยซิลโคนและกระดูกอ่อนของ ดิอาทคลินิก