การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนเป็นวิธีการศัลยกรรมความงามที่ช่วยเพิ่มขนาดและรูปร่างของสะโพก สามารถทำได้โดยการใส่ถุงซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อหรือเหนือเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปแล้วจะทำการผ่าตัด
มีสองวิธีหลักในการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน:
- การผ่าตัดแบบแผลยาว: แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณรอยพับก้น แผลเป็นนี้มักมองไม่เห็น
- การผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนแบบแผลยาว
- การผ่าตัดแบบแผลสั้น: แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณสะโพก แผลเป็นนี้อาจมองเห็นได้
ถุงซิลิโคนมีหลายรูปทรงและขนาด แพทย์จะร่วมมือกับคุณเพื่อเลือกขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของคุณ
สัดส่วนร่างกายที่มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง มีรูปร่างแบบ S-Line คงเป็นสัดส่วนรูปร่างที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันถึง ไม่ว่าใครก็อยากจะมีรูปร่างที่สวยดูดี เสริมความมั่นใจ และเสริมบุคลิกภาพในการแต่งตัว ซึ่งในปัจจุบันสามารถเสริมสะโพกให้สวยงามถาวรได้ด้วยการทำศัลยกรรมแล้วที่ The Art Clinic
ในอดีตสาวๆ ที่อยากมีสะโพกที่ใหญ่ขึ้นมักจะไปฉีดซิลิโคนเหลวเข้าที่สะโพก ซึ่งวิธีการนั้นจะช่วยให้มีสะโพกที่ใหญ่ขึ้นเพียงชั่วคราวและอาจจะเกิดปัญหาผลข้างเคียงตามมาในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นสะโพกผิดรูป สะโพกเกิดการอักเสบจากซิลิโคนเหลวที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงสะโพกย้อยผิดรูปเนื่องจากซิลิโคนเหลวมีการไหล โดยในปัจจุบันได้มีเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยด้วยซิลิโคนที่ถือว่ามีความปลอดภัยมากกว่า เห็นผลได้ชัดเจน ยาวนานถาวรกว่า รวมถึงมีปัญหาผลข้างเคียงน้อยกว่าการฉีดสารแปลกปลอมเข้าที่บริเวณสะโพกด้วย
เสริมสะโพกที่ไหนดี : คู่มือค้นหาคลินิกและโรงพยาบาลที่ใช่สำหรับคุณ
การเสริมสะโพกเป็นกระบวนการที่ผ่านมาตรฐานและมีความปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ วิธีการที่ได้รับความนิยมสำหรับเสริมสะโพกมีดังนี้:
- การศัลยกรรมเสริมสะโพก (Hip Augmentation Surgery): นี่เป็นกระบวนการที่ใช้เสริมสะโพกโดยการศึกษาของอิมพลานท์หรือวัสดุที่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อสร้างรูปร่างที่ต้องการ กระบวนการนี้มีความเสี่ยงและต้องการเวลาในการฟื้นตัวและมีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์และพิจารณาความเหมาะสมกับสุขภาพและความปลอดภัยของตนเองก่อนตัดสินใจดำเนินการ
- การฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันส่วนบาง (Filler or Fat Injection): กระบวนการนี้ใช้วัสดุเติมเต็มเช่น ไขมันส่วนบางหรือฟิลเลอร์เพื่อเสริมสะโพก แต่ผลลัพธ์มักจะไม่ถาวรและอาจต้องมีการฉีดเติมซ้ำในอนาคต
- การออกกำลังกายเพื่อเสริมกล้ามเนื้อสะโพก (Exercise): การฝึกซ้อมที่เน้นไปที่กล้ามเนื้อสะโพกอาจช่วยเพิ่มขนาดและรูปร่างของสะโพกได้ ซึ่งอาจเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่ต้องมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
- การสวมสายรัดสะโพก (Hip Padding): วิธีนี้ใช้อุปกรณ์เสริมเติมที่ออกแบบมาเพื่อใส่ในเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มขนาดของสะโพก เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องผ่าตัด แต่ผลลัพธ์มักจะชั่วคราวและมิได้เป็นความจริงแท้
ผ่าตัดเสริมสะโพกที่ The Art Clinic แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
นายแพทย์ วุฒิวัธ อนุพรรณสว่าง หรือหมอเต้ย แพทย์เฉพาะทางที่ The Art Clinic ได้ไปศึกษาเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนที่ประเทศฝรั่งเศสมาโดยเฉพาะ จึงมีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการการันตีด้วยใบ Certificate จาก Doctor Francois Petit ที่ได้ศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนมากว่า 2,000 เคส ในแทบจะทุกประเทศทางฝั่งยุโรป
The Art Clinic เป็นสถานที่ผ่าตัดปลอดเชื้อที่ได้มาตรฐานความสะอาดสูง มีความปลอดภัยในการผ่าตัดเพราะดมยาด้วยวิสัญญีแพทย์ หลังผ่าตัดมีพยาบาลคอยดูแลตลอด อีกทั้งซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมสะโพก เป็นซิลิโคนคุณภาพเกรดพรีเมียมจากประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการรับรองผ่านทาง อย. ก่อนผ่าตัดจะมีการนำซิลิโคนมาให้ลูกค้าตรวจสอบก่อนทุกเคส รวมถึงชุดอุปกรณ์ผ่าตัดก็ได้รับมาตรฐานในระดับกึ่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว
การทำศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน ที่ The Art Clinic เหมาะกับใคร ?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีสะโพกแบน สะโพกเล็ก อยากมีสะโพกที่ใหญ่ขึ้น เสริมสัดส่วนให้ดูดีขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาบั้นท้ายแบน บั้นท้ายไม่งอนเด้ง หรือมีสะโพกที่หย่อนคล้อย
- อยากมีสัดส่วนที่มีส่วนเว้า ส่วนโค้ง เสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง
- อยากสวมใส่เสื้อผ้าแล้วสวย ดูเซ็กซี่ขึ้น
การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนที่ The Art Clinic
แพทย์จะทำการประเมิน และวิเคราะห์ในแต่ละเคสว่าควรเสริมสะโพกขนาดเท่าใด โดยจะทำการผ่าตัดเปิดแผล 2 ตำแหน่งบริเวณร่องก้นด้านบนเพื่อซ่อนแผล ซึ่งแพทย์จะเปิดแผลเป็นความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร แล้วนำซิลิโคนชนิดเกรดพรีเมียมที่ใช้สำหรับการเสริมสะโพกเท่านั้น เพื่อเสริมให้รูปทรงของสะโพกออกมาใหญ่สวย โดยใช้ร่วมกับกรวยเผื่อลดการอักเสบติดเชื้อ ลดอาการบวมและที่สำคัญแผลจะเล็ก โดยรอยแผลจะถูกซ่อนไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
การผ่าตัดใส่ซิลิโคนเสริมสะโพก ทั่วไป จะมีอยู่ 3 เทคนิคดังนี้
- ผ่าตัดใส่ซิลิโคนบริเวณใต้ผิวหนัง : เป็นการศัลยกรรมเสริมสะโพกโดยวางตำแหน่งของซิลิโคนไว้ใต้ชั้นผิวหนัง เหนือกล้ามเนื้อ เทคนิคนี้จะช่วยให้เห็นความนูนเด่นของสะโพกได้อย่างชัดเจน การผ่าตัดมีความเจ็บปวดน้อย ไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท และยังใช้เวลาพักฟื้นน้อยด้วย
- ผ่าตัดใส่ซิลิโคนบริเวณใต้กล้ามเนื้อ : จะเป็นการวางตำแหน่งซิลิโคนระหว่างกึ่งกลางกล้ามเนื้อสะโพกมัดบน และมัดล่าง จะช่วยทำให้มองไม่เห็นขอบซิลิโคน และโอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุนั้นมีน้อยกว่า แต่จะเกิดอาการเจ็บปวดหลังจากการผ่าตัดมากกว่าเทคนิคเสริมสะโพกใต้ผิวหนัง อีกทั้งเทคนิคนี้แพทย์จะต้องมีความชำนาญ มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก
- ผ่าตัดใส่ซิลิโคนบริเวณใต้พังผืดกล้ามเนื้อ : เป็นเทคนิคการเปิดช่องใต้พังผืดกล้ามเนื้อแล้วเสริมซิลิโคนสะโพกเข้าไป เป็นการผ่าตัดแบบเนื้อกล้ามเนื้อ แต่อยู่ใต้พังผืดกล้ามเนื้ออีกที เป็นเทคนิคที่พัฒนามาจากการผ่าตัด 2 เทคนิคด้านบน จะทำให้เห็นส่วนนูนของสะโพกได้ชัดเจน เสริมสะโพกด้านข้างได้ แต่เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากการผ่าตัดไม่สามารถเปิดช่องนี้ได้ง่ายนัก
ที่ The Art Clinic จะเปิดแผลบริเวณร่องกลางกระดูกก้นกบ หรือที่เรียกกันว่าร่องก้น เทคนิคนี้เป็นเทคนิคการผ่าตัด โดยจะทำการเปิดแผล 2 ตำแหน่งเป็นแนวตั้งความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ซ่อนบริเวณร่องก้นด้านบน จากนั้นจะนำเอาซิลิโคนเกรดพรีเมียมที่ใช้สำหรับเสริมสะโพกเท่านั้นใส่เข้าไปให้เท่ากันทั้งด้านซ้าย และด้านขวา โดยใช้กรวย ชนิดพิเศษเพื่อลดการสัมผัส ลดการติดเชื้อ ลดอาการบวม แผลเล็ก ทำให้สะโพกดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติและเข้าที่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ข้อดี ของการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน
ของการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนเปิดแผลกลางกระดูกก้นกบหรือร่องก้นบน
การผ่าตัดจะเปิดแผล แล้วเสริมซิลิโคนเข้าไปได้ทั้ง 2 ข้าง สะโพกจะสวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่กระทบต่อเส้นประสาท แผลเป็นหลังผ่าตัดจะอยู่ในร่องก้น ทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น
ข้อเสีย ของการผ่าตัดเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน
ของการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนเปิดแผลกลางกระดูกก้นกบหรือร่องก้นบน
ที่เข้ามาเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน จะต้องดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้นเป็นพิเศษ เนื่องจากโอกาสการติดเชื้ออาจจะสูง ต้องดูแลทำความสะอาดแผล และดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
รูปแบบของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมสะโพก
ที่ The Art Clinic เราเลือกใช้ซิลิโคนเกรดพรีเมียมจากประเทศฝรั่งเศส Sebbin (ทรงกลม) และ แบรนด์ดังอย่าง Motiva (ทรงหยดน้ำ) ที่ผ่านมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทย ที่ใช้เฉพาะในการเสริมสะโพกโดยเฉพาะ การันตีความปลอดภัย โดยซิลิโคนที่ใช้จะมี 2 แบบก็คือ
ซิลิโคนรูปทรงกลม : จะเป็นถุงซิลิโคนที่มีรูปร่างกลมแบน จะแบนกว่าซิลิโคนเสริมหน้าอก เพื่อเน้นทั้งความเด้งของก้นและมิติของสะโพก เหมาะสำหรับในการเสริมบั้นท้ายให้ดูกลมสวย เหมาะกับเทคนิคเสริมใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular Safe ) เพราะจะทำให้สะโพกดูสวยเป็นธรรมชาติ และคงตัวในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่เกิดปัญหาการพลิกของซิลิโคนในภายหลัง
ซิลิโคนทรงหยดน้ำ : จะเป็นรูปทรงวงรีแบบหยดน้ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมด้านข้างของสะโพก พร้อมยกกระชับก้นที่คล้อยได้ระดับนึง โดยจะต้องวางตำแหน่งซิลิโคนให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง เพื่อที่จะให้สะโพกดูสวยเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแตกต่างกันทั้งสองข้าง
ขั้นตอนการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนที่ The Art Clinic
ก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม แพทย์จะทำการประเมิน วิเคราะห์สัดส่วนรูปร่างของผู้ทีต้องการทำศัลยกรรมก่อน เพื่อให้คำแนะนำว่าควรเสริมสะโพกให้ดูใหญ่ขึ้นประมาณไหน เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาจะได้ดีที่สุด โดยระยะเวลาการผ่าตัดจะอยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมง ที่ The Art Clinic จะมีวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลตอนดมยาสลบ ก่อนที่จะเริ่มทำการผ่าตัด แพทย์จะทำการเปิดแผลแล้วนำซิลิโคนเสริมเข้าไป เมื่อตำแหน่งของซิลิโคนเท่ากันทั้งสองด้านตามที่ได้ประเมินไว้ แพทย์จะทำการเย็บปิดบาดแผล และคอยดูแลความสะอาดตลอดการเข้าใช้บริการอย่างเข้มงวด
หลังจากผ่าตัดเสร็จแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด อาการบวมจะค่อยๆ เริ่มยุบลงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จากนั้นแพทย์จะนัดเข้ามาตัดไหม และเช็คอาการหลังจากการผ่าตัดอีกครั้ง โดยรูปร่างจะเริ่มเข้าที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
การเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน
- ควรมีวันหยุดในการพักฟื้นร่างกายตัวเองประมาณ 2 สัปดาห์
- ควรงดรับประทานอาหาร งดดื่มน้ำ 6-8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดทานอาหารเสริม วิตามิน ที่จะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- ควรแจ้งโรคประจำตัว ประวัติการรักษาให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคความดันสูง ไม่ควรเข้ารับการผ่าตัด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 1 เดือน
- ควรมีญาติ เพื่อน หรือผู้ติดตามมาด้วยในวันที่เข้ารับการผ่าตัด
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดสุขภาพต้องแข็งแรง ไม่มีอาการป่วย หรือไม่สบาย
การดูแลตัวเอง หลังเข้ารับการการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน
- ดูแลแผลผ่าตัดให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ ห้ามแผลโดนน้ำโดยเด็ดขาดจนกว่าจะถึงวันตัดไหม เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ หรืออักเสบได้
- สามารถลุกเดินช้าๆ ได้ตั้งแต่หลังผ่าตัดเสร็จ
- สามารถนั่งบนฟูก หรือเบาะนิ่มๆ รวมถึงนอนหงาย ได้เลยหลังจากผ่าตัดเสร็จ
- ในช่วงสัปดาห์แรกควรนอนหลับพักผ่อนด้วยท่านอนคว่ำ หรือนอนตะแคงเท่านั้น งดนอนหงายกดทับแผลเป็นเวลานาน
- ครบ 1-2 สัปดาห์ คุณหมอจะนัดตัดไหมและเช็คแผล ในระหว่างนี้สามารถเข้ามาทำความสะอาดแผลที่คลินิกได้ในกรณีที่ไม่สะดวกทำเองที่บ้าน
- ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรพักผ่อนให้มาก แต่ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดเวลา
- งดออกกำลังกายหนักในช่วง 1 เดือนหลังการผ่าตัด
- หลังผ่าตัดหากเข้าห้องน้ำ ควรงดการใช้สายฉีดชำระ ให้ใช้กระดาษชำระชุบน้ำหมาดๆ เช็ดมาทางด้านหน้าแทน
- จะสามารถอาบน้ำได้ตามปกติแล้วหลังจากที่ทำการตัดไหม
- ควรงดรับประทานอาหารของหมักดอง ของแสลง อาหารทะเล
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด
- ควรงดสูบบุหรี่ในช่วง 1 เดือนแรกหลังผ่าตัด
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัดสุขภาพต้องแข็งแรง ไม่มีอาการป่วย หรือไม่สบาย
การเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเอง สามารถทำได้หรือไม่
การเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเองหรือที่เรียกว่า “ไขมันเอนเกรฟต์” (Fat Grafting) เป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมในการปรับปรุงรูปร่างของสะโพกโดยใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายของผู้ป่วยเอง กระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนการสกัดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกายด้วยการดูดไขมัน (liposuction) แล้วนำไขมันที่ได้มาฉีดเข้าสู่สะโพกเพื่อเสริมและปรับรูปร่าง
ข้อดีของการเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเองรวมถึง:
- ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ: การใช้ไขมันตัวเองทำให้ผลลัพธ์ดูมีความธรรมชาติมากขึ้นเนื่องจากเป็นไขมันของตนเอง ซึ่งลดความเสี่ยงในการมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
- ไม่ต้องใช้วัสดุเสริม: การใช้ไขมันตัวเองไม่ต้องใช้วัสดุเสริมเพิ่มเติมที่อาจเป็นสารประกอบที่ทำให้เกิดปัญหาภายหลังได้
- การฟื้นฟูร่างกาย: ผู้ที่ทำการสกัดไขมันด้วยการดูดไขมันจะได้รับประโยชน์จากการลดไขมันในบริเวณที่สกัดด้วย
- ผลลัพธ์ยังคงอยู่นาน: ไขมันที่ถูกฉีดไปยังสะโพกสามารถยึดติดและคงอยู่นาน เพราะเป็นไขมันของตนเอง
อย่างไรก็ตาม, ผู้ที่สนใจในการทำการเสริมสะโพกด้วยไขมันตัวเองควรปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงของกระบวนการที่มีต่อสุขภาพรวมถึงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่คาดหวัง